ดูแลสระว่ายน้ำอย่างไร? ให้สะอาด สวยงาม น่าใช้งานอยู่เสมอ

วิธีดูแลสระว่ายน้ำให้สะอาด สวยงาม น่าใช้งานอยู่เสมอ

1. ทำความสะอาดเบื้องต้น

ภาพ: ช้อนใบไม้ออกจากสระว่ายน้ำ

เริ่มต้นด้วยการใช้สวิงหรือกระชอนช้อนสิ่งสกปรก ใบไม้ แมลง และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ขึ้นจากน้ำ โดยควรดูแลสระว่ายน้ำด้วยการช้อนสิ่งสกปรกทุก 2-3 วัน เนื่องจากหากปล่อยไว้นานจะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้จมลงสู่ใต้น้ำ ทำให้น้ำขุ่นหรือสกปรกได้ และยากต่อการทำความสะอาดมากยิ่งขึ้น

2. ดูดตะกอนในสระว่ายน้ำ

ภาพ: การดูดตะกอนสระว่ายน้ำ

หลังจากใช้แปรงขัดสระว่ายน้ำเรียบร้อยแล้ว ต่อสายและหัวดูดเข้าแล้วทิ้งหัวดูดลงในน้ำ แล้วกรอกน้ำเข้าสายดูดจนเต็มสาย จากนั้นจึงต่อเข้ากับเครื่องดูดตะกอนสระว่ายน้ำ โดยควรดูดให้ทั่วทั้งพื้นและผนังสระว่ายน้ำ โดยควรเลือกหัวดูดให้เข้ากับประเภทของวัสดุที่ใช้สร้างสระว่ายน้ำ เช่น สระว่ายน้ำที่ใช้กระเบื้องควรเลือกใช้แปรงขนอ่อน แทนแปรงที่แข็งกว่า เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นผิว

3. ตรวจสอบระดับน้ำในสระว่ายน้ำ (แทรกเรื่องการทำกันซึม)

ภาพ: ระดับน้ำในสระว่ายน้ำ

โดยปกติแล้วน้ำในสระมักจะระเหยหายไปตามธรรมชาติหรือจากการใช้งาน แต่นอกจากนี้ปัญหารั่วซึมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ระดับน้ำในสระลดลงได้ โดยควรทดสอบด้วยการเติมน้ำลงในถังพลาสติกประมาณ 3 ใน 4 จากนั้นวางไว้ข้างสระว่ายน้ำ โดยอย่าลืมทำเครื่องหมายไว้ที่สระว่ายน้ำด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน หากน้ำในสระลดลงมากกว่าน้ำในถัง อาจเป็นเพราะปัญหารั่วซึมได้ ดังนั้นระหว่างขั้นตอนสร้างสระว่ายน้ำควรเลือกทำกันซึมด้วยจระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ เพื่อป้องกันปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจเกิดขึ้น

4. ทำความสะอาดเครื่องกรอง

ภาพ: เครื่องกรองสระว่ายน้ำ

นอกจากเศษฝุ่น ใบไม้ และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ แล้ว เครื่องกรองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลสระว่ายน้ำให้ปราศจากสิ่งสกปรกด้วย ควรนำตัวกรองออกมาทำความสะอาดเสียบ้าง เพื่อป้องกันปัญหาตัวกรองอุดตัน 

5. ตรวจสอบค่า pH

ภาพ: การตรวจสอบค่า pH สระว่ายน้ำ

ต่อมาเป็นวิธีดูแลสระว่ายน้ำด้วยการตรวจสอบค่าความเป็นกรด-ด่างในน้ำ โดยปกติแล้วการควบคุมความเป็นกรดด่างของน้ำในสระจะอยู่ที่ pH 7.2-7.8 (pH>7 เป็นด่าง และ pH<7 เป็นกรด) ซึ่งหากค่า pH มีสภาพเป็นกรดมากเกินไป จะมีผลต่อการกัดกร่อนกาวยาแนวและกาวซีเมนต์

สำหรับวิธีการใช้ชุดทดสอบค่า pH ก็ทำได้ง่าย เพียงตักนำในสระใส่ในหลอดทดสอบ แล้วหยดน้ำยาที่มาพร้อมชุดทดสอบประมาณ 4 หยด แล้วเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นก็สามารถดูผลจากสเกลที่อยู่บนกระบอกได้เลย

6. ตรวจสอบปริมาณสารเคมีอื่น ๆ ในสระว่ายน้ำ 

ภาพ: การใส่สารเคมีลงในสระว่ายน้ำ

นอกจากค่าความเป็นกรด-ด่างแล้ว ยังมีค่าสารเคมีชนิดอื่น ๆ ที่ต้องใส่ลงในสระว่ายน้ำ โดยการวัดสารเคมีสามารถใช้เครื่องวัดแบบดิจิทัล ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกได้ โดยปริมาณสารเคมีอื่น ๆ มีดังต่อไปนี้

1. ค่าสารซัลเฟต ในสระว่ายน้ำควรอยู่ไม่เกิน 250 ppm หากมากเกินไปจะทำให้กัดกร่อนยาแนวและกาวซีเมนต์ได้
2. ปริมาณแคลเซียม ควรอยู่ที่ 200-250 ppm หากต่ำกว่าจะทำให้น้ำดึงแคลเซียมจากกาวยาแนว และเกิดการกัดกร่อนได้ แต่หากมากเกินไปก็จะทำให้เกิดคราบขาวบนแผ่นกระเบื้อง รวมถึงส่งผลเสียต่อปั๊มน้ำได้

7. หมั่นขัดถูกระเบื้องและขอบสระว่ายน้ำ

ภาพ: สระว่ายน้ำ

นอกจากการดูแลสระว่ายน้ำที่ภายในแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดกระเบื้องขอบสระว่ายน้ำด้วย เพราะบริเวณขอบสระก็ต้องพบกับความชื้นและสภาพอากาศเช่นกัน หากไม่หมั่นขัดถูทำความสะอาดก็จะทำให้เกิดคราบเชื้อราดำ และตะไคร่น้ำขึ้นได้เช่นกัน

ภาพ: กาวยาแนวสระว่ายน้ำจระเข้ แพลทินัม

นอกจากการดูแลสระว่ายน้ำด้วยวิธีทำความสะอาดสระว่ายน้ำที่จระเข้นำมาฝากกันในวันนี้ เพื่อให้สระว่ายน้ำสะอาด สวยงามอยู่เสมอแล้ว ก็ควรเลือกยาแนวสระว่ายน้ำด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อป้องกันคราบสกปรก เชื้อรา หรือตะไคร่น้ำ เกาะติดร่องยาแนว ซึ่งยากต่อการทำความสะอาด โดยควรเลือกใช้กาวยาแนวจระเข้ แพลทินัม กาวยาแนวชนิดพิเศษสำหรับยาแนวสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งมีการผสมทรายสูตรพิเศษ สารเพิ่มประสิทธิภาพ และสีชนิดพิเศษ ทำให้ผิวยาแนวแข็งแกร่ง ไม่เป็นฝุ่น ทนทานต่อแรงดันน้ำและอุณภูมิ นอกจากนี้ยังยับยั้งเชื้อราดำและตะไคร่น้ำด้วยเทคโนโลยีไมโครแบน (Microban®) ช่วยให้สระว่ายน้ำที่บ้านคุณสะอาด สวยงาม ห่างไกลจากคราบสกปรกได้อย่างยาวนาน