วิธีเปิดแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟ...ทำได้จริงหรือ!
อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนมาก ถึงมากที่สุด! เพราะฉะนั้น สิ่งที่ช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าว ในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ก็คือพัดลม และเครื่องปรับอากาศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ช่วยดับร้อนได้ดีที่สุด ก็คือเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมาพร้อมความเย็นฉ่ำ ทำให้ลืมความร้อนไปได้อย่างสนิทใจ แต่ถ้าเปิดเอาไว้ตลอดทั้งวัน พอถึงสิ้นเดือนอาจต้องช็อคกับค่าไฟที่แพงมาก! ซึ่งถ้าจะไม่ให้เปิดเลยก็เกรงว่าจะโดนความร้อนแผดเผา ครั้นจะเปิดแต่พัดลมก็ไม่ช่วยทำให้เย็นเท่าที่ควร!
เพื่อความเย็นสบายแบบไม่ต้องเกรงว่าค่าไฟจะขึ้นสูง พี่เข้มีวิธีเปิดแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟมาบอกครับ
ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ในบริเวณที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์บริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง หรือบนพื้นปูน อย่างบนดาดฟ้า รวมถึงบริเวณที่เป็นมุมอับ โดยควรติดตั้งในบริเวณที่เหมาะสม มีอากาศถ่ายเทสะดวก อีกทั้งควรอยู่ในที่ร่ม และยกสูงขึ้นมา
ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์
เพื่อให้แอร์ได้พักไม่ทำงานหนักจนเกินไป แนะนำให้ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง หลังจากปิดแอร์ให้เปิดพัดลม ความเย็นที่ค้างอยู่จะช่วยทำให้ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนในระหว่างที่เปิดแอร์ มีส่วนทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น
ไม่นำความชื้นเข้ามา
หากในห้องมีความชื้นสะสม ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แอร์ทำงานหนัก และกินไฟอย่างมาก เพราะฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการตากผ้า หรือมีต้นไม้ในห้อง
เปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ
ก่อนเปิดแอร์ควรเปิดประตูหน้าต่างเพื่อทำการระบายอากาศเสียก่อน อีกทั้งยั้งช่วยไล่ความร้อนให้ออกไปจากภายในห้อง และไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักจนเกินไป
ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
เพื่อป้องกันไม่ให้ความเย็นไหลออกไปข้างนอก ก่อนเปิดแอร์ควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเสียก่อน
เปิดพัดลมพร้อมกับเปิดแอร์
เพื่อให้ความเย็นกระจายไปทั่วทั้งห้อง แนะนำให้เปิดพัดลมควบคู่ไปด้วย โดยให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26-27 องศาเซลเซียส เป็นอีกนึงวิธีที่เย็นสบาย และช่วยประหยัดไฟได้ดีทีเดียว
ปิดไฟในห้อง
การเปิดไฟที่มีแสงสว่างจ้ามีส่วนทำให้เกิดความร้อนภายในห้อง ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น เพราะฉะนั้น แนะนำให้ใช้แสงสว่างจากภายนอกแทนการเปิดไฟในช่วงเวลากลางวัน
เพิ่มอุณหภูมิ
แนะนำให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส โดยเป็นตัวเลขที่เหมาะสม และช่วยประหยัดได้อีกด้วย
เปิดแอร์เฉพาะตอนที่อยู่ในห้อง
ไม่ควรเปิดแอร์ทิ้งไว้ในระหว่างที่ไม่ได้อยู่ในห้อง โดยถือเป็นวิธีที่เปลืองไฟโดยใช่เหตุ
ปิดแอร์ทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
ควรปิดแอร์ก่อนออกจากห้องประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง โดยยังคงมีความเย็นหลงเหลืออยู่ และช่วยประหยัดไฟได้ดีเช่นกัน
ล้างแอร์สม่ำเสมอ
เพื่อให้แอร์ทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรล้างแอร์สม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง โดยจะช่วยให้แอร์ความเย็นที่เหมาะสม ไม่ทำงานหนักเกินไป และช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อกำจดความร้อนภายในบ้านได้อยู่หมัด การติดตั้งฉนวนกันความร้อนหรือเลือกทรงหลังคาบ้านที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างมาก โดยปัจจุบันมีฉนวนกันความร้อนให้เลือกหลายแบบ ส่วนหลังคาที่ช่วยป้องกันความร้อนได้ดี มีดังนี้
หลังคาเมทัลชีทสีขาว : สามารถสะท้อนแสงแดดได้ประมาณ 66%
หลังคากระเบื้องดินเผา : สามารถสะท้อนแสงแดดได้ประมาณ 34%
หลังตากระเบื้องแผ่นเรียบสีขาว : สามารถสะท้อนแสงแดดได้ประมาณ 77%
กระเบื้องหลังคาแบบลอน : สามารถสะท้อนแสงปแดดได้ประมาณ 74%
ถ้าไม่อยากให้ค่าไฟพุ่งสูงจนน่าตกใจ ควรเปิดแอร์ในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกใช้วัสดุการต่อเติม หรือสร้างบ้านที่ไม่กักเก็บความร้อน รวมถึงเลือกหลังคาที่เหมาะสม และเลือกช่างที่มีความรู้ความสามารถ รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี พี่เข้ขอแนะนำ จระเข้ รูฟ ชิลด์ อะคริลิกทากันซึม และสะท้อนความร้อน ที่นอกจากช่วยแก้ปัญหารั่วซึมได้อย่างดีแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดความร้อนสะสมในบ้านดีอีกด้วย โดยช่วยสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 55 - 80% และลดอุณหภูมิภายใน 2 - 6 องศา เมื่อเทียบกับกันซึมทั่วไป สามารถยึดเกาะได้กับหลากหลายวัสดุ
บทความที่เกี่ยวข้อง
แอร์มีกี่ประเภท วิธีเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ
ล้างแอร์ด้วยตัวเอง กับจ้างช่าง อย่างไหนปลอดภัยกว่า
บ้านร้อนอบอ้าว ใช้จระเข้ รูฟ ชิลด์ แก้ไขปัญหา!