งานปูหิน
หินอ่อน หินธรรมชาติ ล้วนเป็นตัวเลือก ในการนำมาเป็นวัสดุตกแต่งบ้าน อาคาร ที่มุ่งเน้นความหรูหรา คลาสสิก โดดเด่นไม่ซ้ำใคร แต่ด้วยความพิเศษของวัสดุปิดผิวเหล่านี้ จึงมักพบปัญหากวนใจอาทิเช่น รอยด่างคราบขาว ทำให้พื้นหรือผนังหมดความสวยงาม การหลุดร่วงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยเพราะหินมีน้ำหนักมากกว่ากระเบื้อง ดังนั้นวิธีการและวัสดุที่ใช้ในการติดตั้งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของงานปูหิน
โดยปกติการปูหินทำได้หลายวิธีแตกต่างกันไปตามลักษณะของพื้นที่หน้างาน มีการแบ่งลักษณะการติดตั้ง เป็น 2 ระบบหลักๆ คือ ระบบแห้ง (Dry Process/ Mechanical Fixing) ที่เหมาะกับการติดตั้งบนผนังเท่านั้นส่วนใหญ่ใช้กับการติดในพื้นที่ผนังสูง ซึ่งวิธีนี้จะมีต้นทุนสูงต้องเปลืองพื้นที่ติดตั้งเพราะต้องติดห่างออกจากผนัง ต้องเว้นร่องการปูห่าง และที่สำคัญต้องระวังเรื่องการแตกร้าวของหินขณะติดตั้ง ส่วนอีกระบบคือระบบเปียก (Wet Process) เป็นการใช้ปูนผสมทรายหรือใช้กาวซีเมนต์ยึดหินกับสิ่งก่อสร้างวิธีนี้ติดตั้งได้ทั้งงานพื้น-ผนังภายในและภายนอกที่ไม่สูงมาก ต้นทุนการติดตั้งน้อย ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อยกว่าแบบแห้งและสามารถปูหินแบบชิดสนิทกันได้ แต่มีสิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องการเกิดคราบขาว การเกิดคราบช้ำน้ำหรือซึมน้ำซึ่งเป็นปัญหาหลักสำหรับบ้านหรืออาคารที่ปูหินมักพบเจออยู่บ่อยๆ รวมถึงในระยะยาวอาจเกิดการร่วงหล่นของหินได้หากใช้ปูนทั่วไปหรือไม่ได้มาตรฐานในการติดตั้ง จากปัญหาดังกล่าวจึงต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลักในการติดตั้ง ดังนี้
- การออกแบบที่ต้องยืดหยุ่นหรือรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการติดตั้งอย่างกาวซีเมนต์และยาแนวต้องได้มาตรฐานเหมาะสมกับพื้นที่หน้างาน
- การทำงานหรือการติดตั้งของช่างที่ถูกวิธี และครบทั้งระบบ
ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตและทำให้งานหินเป็นเรื่องง่าย จึงต้องเลือกใช้วิธีการติดตั้งที่เหมาะสม ใช้วัสดุยึดเกาะที่ใช้สำหรับงานปูหินโดยเฉพาะและการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะหากเราเลือกใช้หินระดับพรีเมี่ยมเพิ่มความหรูหราก็ต้องคู่กับงานปูหินคุณภาพสูง เพื่อให้พื้นหรือผนังหินของเรา สวยงาม คงทน และปลอดภัย