ประเด็นสำคัญ
- เวลาจะเลือกแอร์มาติดที่ห้องต่าง ๆ ต้องคำนวณขนาดห้องให้เข้ากับค่าตัวความร้อนในห้อง เพื่อให้ได้ BTU ที่เหมาะสม ทำความเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องกลัวว่าจะเปลืองค่าไฟ
- นอกจาก BTU วิธีเลือกขนาดแอร์ให้เข้ากับการใช้งาน ยังต้องดูที่ติดแอร์ขนาดเหมาะกับห้อง ดูรูปแบบการใช้งาน ทิศที่ตั้งของห้อง สมาชิกในห้อง และความสูงของเพดานห้อง ไม่เช่นนั้นอาจจะเลือกแอร์มาเล็กเกินไปจนทำความเย็นไม่ทันได้
คนขี้ร้อนมักจะคิดว่าหากติดแอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าห้อง จะทำให้ห้องเย็นเร็วกว่าเดิม แต่จริง ๆ แล้วถ้าเลือกแบบนี้อาจจะทำให้เราเสียค่าไฟมากเกินไปโดยไม่จำเป็น เพียงแค่เลือกแอร์ให้เข้ากับขนาดห้องก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอร์ห้องเล็ก ห้องใหญ่ ก็เย็นฉ่ำ แถมยังประหยัดไฟกว่าด้วย
รู้หรือไม่ว่าเวลาเลือกแอร์เราจะต้องเลือกที่ BTU และถ้าหลายคนยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร คำนวณอย่างไร และควรจะเลือกแอร์ตามปัจจัยไหนอีก วันนี้จระเข้มีคำตอบมาฝากกัน
BTU แอร์คืออะไร?
ภาพ: แอร์ติดผนังในบ้าน
BTU ที่ย่อมาจาก British Thermal Unit คือ หน่วยวัดพลังงานความร้อนชนิดหนึ่ง เป็นการวัดความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องใน 1 ชั่วโมง ตัวเลข BTU ของแอร์นั้นจะเป็นปริมาณการถ่ายเทความร้อนที่ทำได้ เช่น ถ้าเป็นแอร์ขนาด 18,000 BTU ก็เท่ากับว่าถ่ายเทความร้อนได้ 18,000 BTU ใน 1 ชั่วโมงนั่นเอง จึงควรจะเลือกขนาดแอร์ให้เข้ากับขนาดห้องมากที่สุด เพื่อให้แอร์ให้ความเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
วิธีการคำนวณ BTU ให้เข้ากับขนาดห้องใช้สูตรไหนดี?
ความกว้าง (m) x ความยาว (m) x ค่าตัวแปร = BTU
แอร์ที่ใช้กันในบ้านหรืออาคารทุกวันนี้มีขนาดตั้งแต่ 9,000-80,000 BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง ถ้าใช้แอร์ใหญ่ไปอาจจะเปลืองไฟมากเกิน เล็กไปก็อาจจะไม่เย็นพอ โดยวิธีคำนวณ BTU แอร์นั้นจะต้องใช่ค่าตัวแปร ซึ่งเป็นค่าความร้อนที่เกิดขึ้นในแต่ละห้อง แต่ละห้องจะมีค่าต่างกันดังนี้
- ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ค่าตัวแปร = 750-850 BTU ต่อตารางเมตร
- ห้องครัว ค่าตัวแปร = 900-1,000 BTU ต่อตารางเมตร
- ห้องนอน ค่าตัวแปร = 700-750 BTU ต่อตารางเมตร
- ห้องทำงาน ค่าตัวแปร = 800-900 BTU ต่อตารางเมตร
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจวิธีคำนวณ BTU ง่ายขึ้น จระเข้มีตัวอย่างการคำนวณมาฝากกัน บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด ไปดูกันได้เลย!
ตัวอย่างที่ 1 ห้องขนาด 4x4 ใช้แอร์กี่ BTU?
ติดแอร์ห้องนอนขนาด 4x4 ควรใช้แอร์กี่ BTU >> (4x4) x 750 = 12,000 BTU
ภาพ: แอร์ห้องนั่งเล่น
ตัวอย่างที่ 2 ห้องขนาด 4x6 ใช้แอร์กี่ BTU
ติดแอร์ห้องรับแขกขนาด 4x6 ควรติดแอร์กี่ BTU >> (4x6) x 850 = 20,400 BTU
ใครไม่ชอบเรื่องตัวเลข ไม่ชอบคำนวณ และยังไม่เห็นภาพ จระเข้สรุปมาให้แล้วว่าห้องแบบไหนจะต้องติดแอร์กี่บีทียู แถมเรายังแบ่งมาให้ด้วยเลยว่าห้องปกติกับห้องโดนแดดจะต้องใช้บีทียูเท่าไร ถึงจะเข้ากับขนาดห้องติดแอร์
นอกจากการคำนวณ BTU ให้เหมาะสม ยังมีเรื่องอื่นที่เราต้องสังเกตดูให้ดีก่อน เพราะถึงจะเลือกขนาดแอร์มาตามสูตรที่เราแนะนำ ก็อาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเย็นฉ่ำประหยัดเงิน ก็อาจจะกลายเป็นไม่คุ้มค่าการลงทุนได้ แต่จะต้องดูตรงไหนนั้น ตามจระเข้ไปต่อกันได้เลย!
วิธีเลือกขนาดแอร์ให้เข้ากับการใช้งาน
1. ไม่ต้องติดใหญ่ไปเพื่อให้แอร์เย็นเร็ว
ภาพ: ควรติดแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง
เป็นคนชอบอยู่ห้องเย็น ๆ อยากได้แอร์ที่เย็นเร็วเป็นพิเศษ ถ้าเป็นห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นภายในบ้าน อาจจะเลือก BTU สูงกว่าขนาดห้องติดแอร์ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าถ้าเลือกติดแอร์ใหญ่กว่าห้อง เราจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกเยอะโดยไม่จำเป็น และเสียค่าไฟมากขึ้นด้วย โดยแอร์รุ่นใหม่ ๆ ก็พัฒนาให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีฟังก์ชันความเย็นหลากหลาย ดังนั้นเลือกติดให้พอดีกับขนาดห้องจะดีที่สุด
2. รูปแบบการใช้งาน เปิด-ปิดประตูบ่อยแค่ไหน
ภาพ: เปิด-ปิดประตูบ่อย แอร์ทำงานหนักขึ้น
ถึงจะติดแอร์เข้ากับขนาดห้อง แต่ถ้าเป็นห้องที่เปิด-ปิดประตูบ่อย ๆ อย่างร้านค้าหรือร้านอาหาร ทำให้แอร์เย็นช้าลง หรือเย็นไม่สม่ำเสมอ แล้วตัวเครื่องก็ทำงานหนักขึ้นด้วย ส่งผลให้เราต้องเสียค่าไฟแพงขึ้น แถมมีโอกาสที่ตัวเครื่องจะเสื่อมเร็วขึ้น ทำให้ต้องเสียค่าซ่อมแซมเร็วกว่าที่ควร เราจึงควรจะเลือกแอร์ให้มีขนาด BTU มากกว่าขนาดห้องเผื่อไว้เสียหน่อย เพื่อให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
3. ทิศที่ตั้งของห้อง โดนแดดเยอะแค่ไหน
ภาพ: แสงแดดที่ส่องเข้าห้อง
ถ้าเป็นห้องที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ แดดส่องเข้าเยอะในตอนเช้า หรือตั้งอยู่ทางทิศใต้ แดดส่องเข้าเต็ม ๆ ในตอนบ่าย ก็จำเป็นต้องเลือกค่า BTU เพิ่มขึ้น 5% เป็นอย่างน้อย เพื่อให้แอร์ทำงานได้เข้ากับสภาพอากาศในห้อง ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป และยังช่วยให้ทำความเย็นได้เร็วมากขึ้นด้วย
4. จำนวนผู้ที่ใช้ห้อง ถ้าคนเยอะก็เลือกใหญ่หน่อย
ภาพ: สมาชิกเยอะควรเลือกแอร์ BTU เยอะ
จำนวนสมาชิกที่อยู่ในห้องก็สำคัญ เพราะยิ่งคนเยอะห้องก็ยิ่งมีความร้อนสะสมมากขึ้น ทำให้แอร์เย็นลงไปด้วยได้ อย่างเช่น บ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่ ห้องที่ใช้เป็นห้องทำงาน หรือเป็น Home Office ก็จำเป็นต้องเลือก BTU มากกว่าปกติ หรือใช้วิธีติดแอร์มากกว่า 1 ตัว เพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้ทั่วถึง
5. ความสูงของเพดาน ถ้าสูงมากความเย็นอาจกระจายไม่ทั่วถึง
ภาพ: แอร์บ้าน
สำหรับห้องเพดานสูง ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง 2.5 – 3 เมตรขึ้นไป ถ้าติดแอร์พอดีกับความกว้างความยาว ลมเย็นจากแอร์อาจจะกระจายตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้ห้องไม่เย็นเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าคำนวณ BTU ได้ตามที่กล่าวมาแล้ว อาจจะต้องเผื่อให้สูงขึ้น เพื่อให้แอร์ทำงานได้กว้างขึ้น
ประหยัดค่าไฟกว่าเดิม ด้วยสีลดความร้อนในอาคารอย่างสีจระเข้ ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม
ภาพ: สีจระเข้ ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม
ชมรายละเอียดสีจระเข้ ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม
ถ้าอยากให้บ้านเย็นตามธรรมชาติ ช่วยให้ใช้แอร์น้อยลง ประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิม ควรเลือกทาสีผนังบ้านด้วย สีจระเข้ ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม สีทาภายนอกที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ Lime Base ช่วยระบายและถ่ายเทความร้อนได้ดี ช่วยให้อุณหภูมิในอาคารลดลง แอร์จึงทำงานน้อยลง ช่วยประหยัดไฟได้ นอกจากนี้ก็ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
- NON VOCs ไม่มีกลิ่นของสารระเหย และปราศจากสารก่อมะเร็ง (Formaldehyde) จึงปลอดภัยกับสุขภาพ
- เทคโนโลยีกราฟีนช่วยให้เนื้อสียืดหยุ่นตัวสูง ปกปิดรอยแตกร้าวขนาดเล็กได้ดี
- เนื้อสีหนา มีคุณสมบัติเป็นด่าง ช่วยให้ผสานกับผิวปูนได้ดี ไม่ต้องทาสีรองพื้น
- ป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำ ทนต่อทุกสภาพอากาศ มลภาวะ และรังสี UV
การซื้อแอร์ที่มี BTU มากกว่าขนาดของห้องนั้นอาจจะไม่ใช่ทางออกของคนขี้ร้อน เพราะทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น การเลือกแอร์ที่มี BTU พอดีกับขนาดห้องติดแอร์และการใช้งานก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้เครื่องไม่ทำงานหนัก และทำความเย็นได้พอดีกับผู้อยู่อาศัย ช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
สนใจอยากได้ผลิตภัณฑ์จระเข้ไปใช้ปรับปรุงบ้าน ปกป้องบ้านจากปัญหาต่าง ๆ ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายของเรากันก่อนได้ที่เว็บไซต์ เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ แล้วก็ตามไปเลือกช้อปสินค้ากลับมาปกป้องบ้านกันได้เลยค้นหาร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จระเข้