โลกเสมือนหรือ Virtual World ถือเป็นคำที่ใครหลายคนเคยได้ยินกันมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่เคยเล่นเกมที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนบนโลกอินเทอร์เน็ต การเข้าสู่โลกเสมือนจริงอาจไม่ใช่เรื่องแปลกมากนัก แต่สำหรับการมาถึงของ Metaverse อาจเป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่เข้าใจกันว่านวัตกรรมนี้คืออะไร? และจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดกันบ้าง วันนี้จระเข้จะพาทุกคนไปพูดคุยกับคุณเอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist จาก Zipmex ถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของ Metaverse และการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคต
Metaverse คืออะไร สำคัญอย่างไร?
ภาพ: คอนเซ็ปต์ของ Metaverse
“Metaverse ถือกำเนิดภายใต้นิยามใหม่เป็น Metaverse ที่มีความ Decentralize
(การกระจายอำนาจ) มากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงคนคนเดียวที่เป็นเจ้าของโลกนั้นแล้ว”
จริง ๆ คำว่า Metaverse เป็นคำที่มีมายาวนานมาก ๆ แล้ว อย่างเช่นน้อง ๆ Gen ใหม่ ๆ ก็จะคุ้นชินกับคำ Metaverse มากกว่าคนยุคผมอีก เพราะการที่เขาสามารถเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง อย่างโลกเสมือนหรือโลกสังคมออนไลน์ที่อยู่ในเกมก็ได้ พื้นที่เหล่านี้ก็ถือว่าเป็น Metaverse
แต่ว่าการมาถึงของ Metaverse ยุคใหม่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เป็นตัว Metaverse ที่เปลี่ยนไปในเชิงของแนวความคิดและโครงสร้างทั้งหมดเลย คือว่า Metaverse เมื่อก่อนมันคือโลกเสมือนเฉย ๆ ที่ใครก็สามารถเข้าไปใช้ชีวิตได้ ไปเล่นเกม ไปพูดคุย เหมือนเวลาเราไปเล่น PUBG หรือเมื่อก่อนเล่น The Sims ที่สามารถสร้างตัวละครสร้างบ้านได้ แต่จะเป็นในส่วนของเกมมากกว่า ซึ่งคนก็จะมี Interactive ได้ ก็คือพูดคุยกันได้ แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวล Metaverse ยุคเดิม เป็นโลกแบบ Centralize (การรวมอำนาจ) ซึ่งเจ้าของแพลตฟอร์มเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว แต่ Metaverse ที่ถือกำเนิดมาใหม่ เกิดขึ้นใหม่ภายใต้นิยามใหม่เป็น Metaverse ที่มีความ Decentralize (การกระจายอำนาจ) มากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงคนคนเดียวเป็นเจ้าของโลกนั้นแล้ว
เราอาจจะมีเจ้าของคนแรกที่สร้างเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มหรือกลุ่มนายทุนก็ได้ แต่โลกนี้จะสามารถเติบโตได้ มี User เข้ามาใช้งานมากขึ้นในอนาคต จำเป็นที่จะต้องให้ User มีส่วนร่วมในการพัฒนา ในการเป็นเจ้าของ ในการครอบครองกรรมสิทธิ์ หรือการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในโลกเสมือนนั้นได้อย่างโปร่งใส ก็จะทำให้คนในสังคมได้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาโลกเสมือนนี้ให้น่าอยู่ สรุปง่าย ๆ คือ Metaverse คือโลกเสมือนที่คนทั้งโลก คนส่วนใหญ่สามารถที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาโลกนี้ให้ไปทั้งทิศทางที่เขาเห็นควรหรืออยากให้มันเป็น
การ Decentralize ผ่านเทคโนโลยีอย่าง Blockchain มีความสำคัญอย่างไรต่อ Metaverse?
ภาพ: คอนเซ็ปต์ NFT หรือ Non-Fungible Tokens
จริง ๆ Metaverse มีความสำคัญมาก ๆ ในการ Decentralize เช่น คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้คนหรือกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่มีอำนาจที่จะควบคุมทุกอย่างบนโลกได้ ผู้คนจึงต้องการให้อำนาจตรงนั้นกลับสู่ทุกคน ให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในแง่ของการแสดงออกทางความคิดต่าง ๆ
แต่การ Decentralize ที่จับต้องได้ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา คือ Blockchain ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็นำ Blockchain ไปปรับใช้ และแนวคิดของการพัฒนา Metaverse หรือ NFT ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด 3 ประเด็นนี้ โดย “Metaverse ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา สำหรับจิ๊กซอว์ตัวที่สองที่อยู่ตรงกลางก็คือ NFT หรือ Non-Fungible Token และจิ๊กซอว์ตัวแรกเลย คือแอปพลิเคชันของ Blockchain ที่เป็น Decentralized ก็คือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ทั้งสามตัวนี้จะมีความเกี่ยวเนื่องกัน” เพราะหากให้เล่าย้อนกลับไปเทคโนโลยี Blockchain เป็นตัวที่สร้างคริปโตเคอร์เรนซี และหลังจากนั้นก็มีการสร้าง NFT ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบุถึงกรรมสิทธิ์ในโลกดิจิทัล หลังจากนั้นจึงมีการดึงคอนเซ็ปต์ใหม่ในเรื่องของ Metaverse หรือโลกเสมือนขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่
Metaverse จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกในด้านใดได้บ้าง
ภาพ: การใช้งานแว่นตาเสมือนจริง
“Metaverse ก็จะเกี่ยวข้องกับคนทั่วไปโดยตรงแน่นอน ทั้งในด้านการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ โซเชียลมีเดีย และด้านธุรกิจด้วย ซึ่ง Metaverse ก็ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกได้เลย”
ถึงแม้ว่า Metaverse จะเป็นสิ่งใหม่ที่หลาย ๆ คนยังไม่ถนัด แต่หลังจาก Metaverse พัฒนาไปถึงจุดจุดหนึ่งแล้ว Metaverse ก็จะถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ ซึ่งนอกจาก Facebook แล้ว ก็ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ทำเรื่องของโลกเสมือนอยู่ เช่น Xiaomi, Apple แต่จะยังเป็นในรูปแบบการทดลอง ที่เห็นได้ชัดก็คืออุปกรณ์ต่าง ๆ และเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่นำสินค้าไปวางบนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ และมาเจอกับ Metaverse ก็จะเกี่ยวข้องกับคนทั่วไปโดยตรงแน่นอน ทั้งในด้านการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ โซเชียลมีเดีย และด้านธุรกิจด้วย ซึ่ง Metaverse ก็ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกได้เลย
- ด้านการติดต่อสื่อสาร
ภาพ: Metaverse ช่วยให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น
การมาของ Metaverse ทำให้ระยะทางระหว่างคนทุกคนบนโลกนี้ลดน้อยลง เช่น เวลาเราจะเปิดธุรกิจระยะทางถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเราต้องดูว่าคนในพื้นที่เป็นใคร หรือหากต้องการทำในเรื่องของ Consult เราอาจให้บริการได้แค่ลูกค้าภายในประเทศ แต่ลูกค้าต่างประเทศอาจจะติดข้อจำกัดเยอะ ทั้งข้อกฎหมายและพื้นที่ แต่พอการสร้าง Metaverse บนแนวคิดของการ Decentralize โลกเสมือนนั้นใครก็สามารถเข้ามาเจอเราได้
- ด้านธุรกิจ
ภาพ: Metaverse เลือกชมสินค้าได้ง่ายขึ้น
Metaverse สร้างประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัย เช่น ธุรกิจที่ให้ทางเลือกกับเราว่าจะเลือกชมสินค้าของจริงที่ร้าน หรือจะเป็นร้านค้าใน Metaverse ซึ่งมีภาพ วิดีโอ รวมถึงพนักงานมาแนะนำ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน แต่ยังคงเดินทางไปยังช็อปต่าง ๆ ได้ในเวลาจำกัด โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอีกต่อไป และใช้เวลาในโลกเสมือนได้อย่างเต็มที่ และหากมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความเสมือนจริง ก็จะตามมาด้วยธุรกิจต่าง ๆ เข้ามา ทำให้เราใช้เวลามากขึ้น ก็มีโอกาสจะซื้อของมากขึ้น ซึ่งหลายธุรกิจก็เล็งเห็นถึงพฤติกรรมนี้แล้ว ทำให้ภาคธุรกิจกระโดดเข้ามาใน Metaverse มากขึ้น
- ด้านการใช้ชีวิต
ภาพ: การใชีชีวิตใน Metaverse
การพูดคุยติดต่อสื่อสารก็จะเยอะขึ้น ซึ่งเป็นการ Disrupt ธุรกิจโซเชียลมีเดียที่อยู่ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน และผู้คนก็ไม่จำเป็นจะต้องนัดเจอกันภายนอก แต่ไปพบเจอกันใน Metaverse ได้เลย ซึ่งจะทำให้วิธีการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปทั้งหมดเลย
Metaverse ส่งผลต่อโลกธุรกิจก่อสร้าง และต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?
ภาพ: Metaverse ดับโลกธุรกิจ
“การมาของ Metaverse ช่วยให้ออกแบบได้ตามสเกลจริง เหมือนกับว่าเราได้เดินเข้าไปในบ้าน ทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ช่วยลดปัญหาระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้างลดน้อยลงไปมาก และยังช่วยลดต้นทุนให้กับทั้งผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างอีกด้วย ”
การก่อสร้างถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เห็นกันได้ชัดและตอบ Pain Point ของคนเลยคือ เมื่อเราต้องการตกแต่งบ้าน เพียงแค่ค่าออกแบบบ้านก็แพงมากแล้ว ระหว่างที่สร้างจริงก็อาจมีปัญหาเรื่องอุปกรณ์วัสดุตามมา และในท้ายที่สุดหลังจากที่สร้างเสร็จก็อาจไม่ได้ตามแบบที่ต้องการ เพราะเป็นการดูแปลนแบบสองมิติ แต่เมื่อสร้างจริงอาจไม่ได้ออกมาตามแบบที่คิด
แต่การมาของ Metaverse ช่วยให้ออกแบบได้ตามสเกลจริง เหมือนกับว่าเราได้เดินเข้าไปในบ้านจริง ๆ เลย ทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ช่วยลดปัญหาระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้างลดน้อยลงไปมาก เพราะลูกค้าได้เห็นภาพที่เป็นของจริง แต่ถ้าหลังจากนี้หากมีการพัฒนาอุปกรณ์ที่เพิ่มความสมจริงยิ่งขึ้น ก็จะช่วยให้รูปแบบของการออกแบบภายใน การก่อสร้าง การตกแต่ง จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ลูกค้ามีความสุขมากขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนให้กับทั้งผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างอีกด้วย
ภาพ: ชมสินค้าที่หน้าร้าน Metaverse
หากจะโฟกัสไปอีกมุมหนึ่งเกี่ยวกับการขายวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง เนื่องจากการเข้ามาของ Metaverse จะทำให้ลูกค้าค่อนข้าง Open ลูกค้าสามารถเข้ามาดูก่อนได้ อาจเป็นสเกลจริงหรือไม่ใช่สเกลจริงก็ได้ ปกติถ้าเราอยากจะซื้อของที่เป็นวัสดุก่อสร้าง เราก็จะมีทางเลือกคือ ขับรถไปดูที่หน้าร้าน อีกทางคือดูรูปที่หน้าเว็บไซต์ “แต่ถ้ามี Metaverse ก็สามารถทำหน้าร้านที่ Metaverse ได้ ทางบริษัทอาจใช้เป็นการเช่าหน้าร้านบนโลกเสมือน หรือจะไปซื้อที่ดินในโลกเสมือน แล้วทำพื้นที่เองเลยก็ได้
เมื่อมีหน้าร้านแบบนี้ลูกค้าที่เข้ามาก็อาจไม่ใช่แค่คนไทย อาจเป็นคนเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยายตัวของการก่อสร้าง หรืออาจจะรับลูกค้าเป็นสถาบันหรือบริษัทรับเหมาก่อสร้างในต่างประเทศเลยก็ได้” และเมื่อลูกค้าเข้ามาที่หน้าร้านแล้ว ก็อาจมีรูปหรือคลิปให้ลูกค้าเห็นของจริงได้มากขึ้น ตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น ดังนั้นการมีหน้าร้านใน Metaverse ก็จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เข้าถึงเป้าหมายที่ไกลมากขึ้น และวันหน้าต้นทุนก็อาจจะลดน้อยลงอีกด้วย
ผลกระทบของ Metaverse ที่ไม่ควรมองข้าม
ภาพ: การวิเคราะห์ข้อมูลน้อยลง
“อีกมุมหนึ่งที่อยากแชร์คือ Metaverse เป็นโลกที่ไม่ใช่แค่เพียงโอกาสอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเป็นโลกใหม่เราจึงไม่รู้ว่าโลกใหม่นี้หน้าตาจะเป็นอย่างไร
การมาของโลกใหม่อาจจะใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ได้น้อยลง เพราะคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการเงิน การมาของ Metaverse แพลตฟอร์มนั้นก็จะมีข้อมูลของเราน้อยมาก การวางแผนการตลาดก็จะวางแผนได้ยากขึ้น เพราะมีข้อมูลน้อยลง และเกิดโอกาสที่จะวางแผนผิดที่ผิดทางได้
เราอาจจะต้องเริ่มกลับมามองที่คนมากขึ้น ว่าคนคนหนึ่งต้องการอะไร มีวิธีคิดอย่างไร ภาคธุรกิจก็จะต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ตรงจุดนั้น แต่ถ้าไปผิดที่ผิดทางก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเราอาจจะเสียทั้งงบประมาณ และเสียโอกาสในการแข่งขัน เพราะแม้จะเริ่มต้นพร้อมคู่แข่ง แต่เริ่มผิดทางก็อาจเสียโอกาสในการแข่งขันได้
ดังนั้น Metaverse ถือว่ามีทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเรื่องเดียวกัน ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษา Use Case (การใช้งานของผู้ใช้งานที่เข้ามาในระบบ) ดูในเรื่องของงบประมาณ โดยเฉพาะในเรื่องของแพลตฟอร์ม เพราะถ้าหากเราไม่สร้าง Metaverse เอง แต่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Metaverse นั้น ก็มีหลายองค์ประกอบที่เราต้องทำความเข้าใจ
นอกจากนี้คุณเอกราชยังให้ความเห็นไว้อีกด้วยว่า Metaverse น่าจะเป็นรูปเป็นร่างที่จะดึงให้คนเข้าไปสนใจจริง ๆ น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปี เพราะ Metaverse ได้เริ่มแล้ว แพลตฟอร์มก็มีให้เลือกหลายที่ เช่น The Sandbox, Decentraland เป็นต้น ซึ่งบริษัทหลายแห่งก็ได้เข้าไปซื้อที่ใน The Sandbox กันเยอะมาก แต่ยังอยู่ในรูปแบบของการเล่นเกม ยังไม่ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายมากนัก และยังคงมีข้อด้อยอยู่หลายจุด แต่สิ่งที่จะทำให้ Metaverse สมบูรณ์มากขึ้น ก็คืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่หลายบริษัทพยายามเร่งพัฒนา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร
ดังนั้นคงจะต้องรอดูกันต่อไปว่าอีก 5-10 ปี ข้างหน้านี้ เทคโนโลยีสุดล้ำที่มีชื่อว่า Metaverse จะเข้ามามีอิทธิพล และเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนบนโลกให้เป็นไปในทิศทางไหนได้บ้าง
ภาพ: คุณเอกราช ศรีศุภวิชากิจ
คุณเอกราช ศรีศุภวิชากิจ
- Head of Risk Management & Research Specialist at Zipmex Co,Ltd
อดีตเทรดเดอร์สถาบันทำอาร์บิทราจในตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์ ทั้งยังเคยเป็น Proprietary Trader สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ถนัดการลงทุน/เก็งกำไรสไตล์ Quantitative Investment หรือ Systematic Trading System อีกด้านหนึ่งยังเคยเป็น Investment Consultant ให้กับกลุ่มลูกค้า High Net Worth