การปูกระเบื้องแบบซาลาเปาเป็นวิธีที่พบได้บ่อย เพราะช่วยให้ปูกระเบื้องได้อย่างรวดเร็ว และปูได้เป็นจำนวนมาก แต่ที่จริงแล้วการปูซาลาเปาถือเป็นวิธีที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง! เพราะอาจส่งผลเสียให้กระเบื้องหลุดล่อนเสียหายได้ง่าย แล้วควรปูกระเบื้องแบบไหนถึงจะช่วยให้พื้นและผนังติดแน่น คงทน วันนี้จระเข้มีความรู้ดี ๆ มาฝากทุกคนกัน ก่อนอื่นมาเริ่มต้นรู้จักกันก่อนว่าการปูกระเบื้องมีกี่แบบ?
วิธีการปูกระเบื้องมีกี่แบบ
1. การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา
ภาพ: การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา
การปูกระเบื้องแบบซาลาเปาหรือการปูซาลาเปา คือ การปูกระเบื้องด้วยการนำปูนซีเมนต์มาโปะไว้ที่แผ่นกระเบื้องตามมุมต่าง ๆ เหมือนกับก้อนซาลาเปา หรือป้ายให้เป็นแผ่นหนา ๆ ที่หลังแผ่นกระเบื้อง แล้วแปะเข้ากับพื้นที่ที่ต้องการ และเคาะจัดแนวก็เป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ปูกระเบื้องได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เสี่ยงต่อความเสียหายได้ง่าย
2. การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก
ภาพ: การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก
การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก มีอีกชื่อว่าปูนขี้หนูหรือขุยหนู คือ การปูกระเบื้องด้วยการผสมปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำไปเทปรับระดับบนพื้นที่ที่ต้องการ และปาดกาวซีเมนต์ที่หลังแผ่นกระเบื้อง จากนั้นจึงแปะแผ่นกระเบื้องลงไป เป็นหนึ่งวิธีที่ทำได้รวดเร็ว แต่ก็มีโอกาสที่กระเบื้องจะจมลงไปในซีเมนต์ และปรับระดับได้ยากนั่นเอง
3. การปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์
ภาพ: การปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์
การปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์หรือปูนกาว คือ การปูกระเบื้องด้วยการปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นร่องตามขนาดของเกรียงหวีลงบนพื้นที่ที่ต้องการ แล้วติดกระเบื้องและจัดแนวตามต้องการ จากนั้นก็ใช้ค้อนยางเคาะให้ติดแน่นก็เป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นการปูกระเบื้องที่มีคุณภาพ ใช้ปูทับพื้นผิวต่าง ๆ ได้ เช่น ซีเมนต์ กระเบื้องยาง หรือพื้นกระเบื้องเดิม
จากการปูกระเบื้องทั้ง 3 แบบที่กล่าวมานี้ การปูกระเบื้องแบบซาลาเปาถือเป็นวิธีปูที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ช่วยให้ปูได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เสี่ยงต่อความเสียหายได้ จะเกิดจากสาเหตุอะไรนั้นไปดูกัน!
ข้อเสียของการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา
ภาพ: ผนังกระเบื้องเสียหายจากการปูซาลาเปา
เนื่องจากการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา เป็นการโปะปูนตามมุมของแผ่นกระเบื้อง ทำให้แผ่นกระเบื้องมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระเบื้องที่มีน้ำหนักมากอย่างแกรนิตโต้จะยิ่งหนักมากขึ้น ส่งผลให้ปูนรับน้ำหนักกระเบื้องไม่ไหว ทำให้เกิดการหลุดล่อนตามมาได้ง่าย ๆ
นอกจากจะทำให้กระเบื้องมีน้ำหนักมากขึ้นแล้ว การโปะกระเบื้องตามมุมต่าง ๆ ทำให้กาวซีเมนต์กระจายได้ไม่เต็มหลังแผ่นกระเบื้อง ส่งผลให้ความชื้นเข้าไปสะสมได้ง่าย เมื่อความชื้นสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะทำให้กระเบื้องระเบิดหรือหลุดล่อนได้นั่นเอง
ถ้าหากไม่ควรปูกระเบื้องแบบซาลาเปาแล้ว ควรจะเลือกปูกระเบื้องแบบไหน? จระเข้มีคำตอบมาฝากทุกคนกันแล้ว ว่าควรปูกระเบื้องอย่างไรให้ถูกต้องได้มาตรฐาน ปราศจากปัญหาหลุดล่อนเสียหาย จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
วิธีการปูกระเบื้องให้ถูกต้อง
การปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์ถือเป็นวิธีการปูกระเบื้องที่มีโอกาสหลุดล่อนน้อยมาก โดยสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ การเลือกเกรียงหวีให้มีขนาดเหมาะกับชนิดและขนาดของแผ่นกระเบื้อง เนื่องจากร่องกาวซีเมนต์ควรมีขนาดสัมพันธ์กับแผ่นกระเบื้อง เพื่อให้กาวซีเมนต์ขยายตัวได้เต็มแผ่น ช่วยลดโอกาสที่ความชื้นจะเข้าไปสะสมนั่นเอง และเพื่อให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น วันนี้จระเข้จึงมีตารางเปรียบเทียบขนาดเกรียงหวีกับแผ่นกระเบื้องมาฝากทุกคนกันแล้ว
ขั้นตอนการปูกระเบื้องอย่างถูกวิธี
1. เตรียมพื้นผิว
ภาพ: ทำความสะอาดพื้นผิวก่อนปูกระเบื้อง
หลังจากปรับระดับพื้นด้วยปูนปรับระดับให้เรียบเนียนเสมอกันแล้ว เริ่มทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาด ด้วยการปัดกวาดเศษฝุ่น สิ่งสกปรก และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ รวมถึงใช้น้ำฉีดคราบฝุ่น น้ำมันออกให้หมด จากนั้นกวาดน้ำออกให้หมด และปล่อยให้พื้นแห้ง
2. ผสมกาวซีเมนต์
ภาพ: การผสมกาวซีเมนต์ด้วยเครื่องผสมรอบต่ำ
ผสมกาวซีเมนต์กับน้ำตามอัตราส่วนที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ และคนให้เข้ากันหรือใช้เครื่องช่วยผสมรอบต่ำประมาณ 150 รอบ/นาที เพื่อผสมให้เข้ากันมากยิ่งขึ้น แล้วทิ้งไว้ให้เคมีบ่มตัวประมาณ 15 นาที และกวนซ้ำอีกครั้งหนึ่งก่อนเริ่มปูกระเบื้อง
3. ใช้เกรียงหวีปาดกาวซีเมนต์
ภาพ: การใช้เกรียงหวีปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นร่อง
ใช้เกรียงหวีที่มีขนาดเหมาะกับแผ่นกระเบื้อง ปาดกาวซีเมนต์ลงบนพื้นที่ที่ต้องการปูกระเบื้อง จากนั้นใช้ด้านหวีปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นร่อง โดยจับเกรียงหวีให้เอียง 60 องศา และปาดไปทางเดียวกัน และไล้กาวซีเมนต์ลงบนหลังแผ่นกระเบื้อง ก่อนจะเริ่มติดแผ่นกระเบื้องลงบนพื้นที่ที่ต้องการ
4. ติดกระเบื้อง
ภาพ: การจัดแนวกระเบื้อง
ติดกระเบื้องลงบนพื้นที่ที่ปาดกาวซีเมนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว หากต้องการจัดแนวกระเบื้องให้ได้มาตรฐาน ควรใช้อุปกรณ์จัดแนวกระเบื้องเป็นตัวช่วย โดยจัดแนวกระเบื้องให้เรียบร้อยภายใน 15 นาที ก่อนกาวซีเมนต์จะเริ่มเซ็ตตัว จากนั้นใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ ที่แผ่นกระเบื้อง เพื่อให้แผ่นกระเบื้องสัมผัสกาวซีเมนต์ได้อย่างทั่วถึง
5. บ่มกระเบื้องและทำยาแนว
ภาพ: การบ่มกระเบื้อง
หลังปูกระเบื้องควรบ่มทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง เพื่อให้การปูกระเบื้องมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้หลังกาวซีเมนต์แห้งแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง ใช้ค้อนเคาะตามแนวสายปรับระดับให้อุปกรณ์ปรับระดับที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้าหลุดออก เมื่อบ่มกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำยาแนว และทำความสะอาดแผ่นกระเบื้องก็เป็นอันเรียบร้อย
นอกจากการปูกระเบื้องให้ถูกวิธีด้วยกาวซีเมนต์และหลีกเลี่ยงการปูกระเบื้องแบบซาลาเปาแล้ว ควรเลือกใช้กาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้พื้นและผนังกระเบื้อง ยึดเกาะได้ดี ใช้งานได้อย่างยาวนาน หมดปัญหาเรื่องกระเบื้องหลุดล่อนเสียหาย
กาวซีเมนต์ จระเข้เขียว กาวซีเมนต์มาตรฐานอเมริกา ขวัญใจช่างไทย
ภาพ: กาวซีเมนต์ จระเข้เขียว
สำหรับใครที่กำลังมองหากาวผลิตภัณฑ์คุณภาพ สำหรับการปูกระเบื้องให้ได้มาตรฐาน จระเข้ขอแนะนำกาวซีเมนต์ จระเข้เขียว กาวซีเมนต์มาตรฐานอเมริกา ยอดขายอันดับ 1 ขวัญใจช่างไทย แรงยึดเกาะสูง เนื้อกาวซีเมนต์ละเอียด ปาดลื่น ทำงานง่าย ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ทรายละเอียดคัดพิเศษ และวัสดุผสมพิเศษอื่น ๆ ใช้ปูกระเบื้องได้ทุกชนิด ทั้งพื้นและผนัง ภายในและภายนอกอาคาร ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องแช่กระเบื้องในน้ำก่อนปู
ได้เห็นกันไปแล้วว่าการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คืออะไร มีข้อเสียอย่างไรบ้าง ดังนั้นควรสอบถามช่างให้ดีก่อนเริ่มงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจตามมาได้ และควรเลือกปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์ และอย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพจากจระเข้ตามที่เราได้แนะนำกันไป เพื่อให้พื้นและผนังที่บ้านของคุณสวยงาม แข็งแรง ใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นสะสม จนทำให้กระเบื้องหลุดล่อนเสียหาย ต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง
ปูนกาวซีเมนต์คืออะไร? ต่างกับปูนซีเมนต์ทั่วไปและมีวิธีใช้อย่างไร?