วัสดุสร้างบ้านมีอายุกี่ปี ?
ของทุกอย่างบนโลกใบนี้ย่อมมีระยะเวลาที่จำกัด และมีวันหมดอายุด้วยกันทั้งนั้น บ้านก็เช่นกัน! ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ หรือบ้านปูน ตามหลักแล้วจะมีอายุไม่เกิน 100 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บ้านปูนจะมีอายุที่ยาวนานกว่า เนื่องจากคอนกรีตที่เป็นวัสดุสำคัญของการสร้างบ้าน สามารถใช้งานได้นานถึง 1,000 ปี โดยคอนกรีตที่ใช้ต้องมีกำลังสูง เพื่อจะได้ให้ความแข็งแรงทนทาน แต่หากบ้านไม้สามารถอยู่ได้ 100 ปี ควรเลือกประเภทไม้สักที่มีอายุยาวนาน เพราะเป็นไม้ที่ปลวกไม่ชอบ จึงทำให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนาน
นอกจากนี้วัสดุในการสร้างบ้าน รวมถึงโครงสร้างบ้าน ก็มีวันหมดอายุเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรหมั่นตรวจสอบแต่ละบริเวณภายในบ้าน ว่ามีจุดไหนที่เกิดความเสียหายหรือไม่ ยิ่งเป็นบ้านที่สร้างมานานหลายดี ยิ่งต้องหมั่นตรวจเช็คทุกตารางนิ้ว ว่าถึงคราวปรับปรุงซ่อมบ้านได้แล้วหรือไม่! พี่เข้มีข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจเช็ควัสดุภายในบ้านก่อนหมดอายุ และเสี่ยงเกิดความเสียหายหนักมาบอกครับ
โครงสร้างคอนกรีต
เป็นโครงสร้างที่มีความแข็งแรงทนทานอย่างมาก แต่ใช่ว่าจะคงอยู่ตลอดไป! โดยมีอายุการใช้นานประมาณ 30-50 ปี หากเกิดการหลุดล่อน หรือมีรอยปริแตก นั่นคือสัญญาณเตือนให้รู้ว่าใกล้ถึงคราวหมดอายุแล้ว! และหากเหล็กข้างในเป็นสนิมควรรีบทุกทิ้งแล้วสร้างบ้านใหม่ เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดความเสี่ยงต่อการซ่อมแซมที่บานปลาย และคนในบ้านได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
สีผนังบ้าน
ถือเป็นวัสดุที่เสื่อมสภาพค่อนข้างเร็ว โดนเฉพาะสีทาบ้านภายนอก เนื่องจากต้องเผชิญกับแสงแดด รังสียูวี รวมถึงความชื้นจากน้ำฝน ส่งผลให้เกิดปัญหาสีหลุดล่อน รวมถึงปัญหาเชื้อราดำ ที่ก่อให้เกิดคราบสกปรก และส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนในบ้าน โดยอายุของสีจะอยู่ได้ 5-10 ปี ควรทาสีบ้านใหม่ทุก 5 ปี รวมถึงเลือกสีทาบ้านที่มีประสิทธิภาพ คงทนต่อแสงแดด ความชื้น และทนต่อทุกสภาพอากาศ
ซิลิโคนยาแนว
มีทั้งแบบชนิดอะคริลิก และพอลิยูริเทน อายุการใช้งานอยู่ได้ 5-10 ปี มักเกิดการเสื่อมสภาพบริเวณแนวรอยต่อ ที่เป็นกรอบวงกลม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึม หกพบว่าซิลิโคนยาแนวเสื่อมสภาพ ควรรื้อของเก่าออดให้หมด แล้วอุดเข้าไปใหม่ เพื่อจะได้มีประสทธิภาพในการใช้งาน
พื้นไม้ปาร์เกต์
มักเสื่อมสภาพจากกาวที่ติดตั้ง รวมถึงพื้นผิวไม้เปลี่ยนสภาพไปตามการใช้งาน อีกทั้งมีปัญหาพื้นไม้บวมจากความชื้น และพื้นระเบิดเนื่องจากปูชิดติดกันเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถือเป็นวัสดุที่มีการใช้งานได้ยาวนานถึง 20-30 ปี หากเกิดปัญหาสามารถแก้ไขเฉพาะจุดได้ ไม่จำเป็นต้องรื้อปูใหม่ทั้งหมด
ฟิล์มติดกระจก
มักเกิดการเสื่อมสภาพเนื่องจากแดดร้อนๆ ของประเทศไทย ที่พร้อมเผาไหม้ทุกสิ่ง! โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี เมื่อเริ่มใช้ไปนานๆ จะสังเกตว่าฟิล์มมีความซีด ลอก และเสื่อมสภาพในการใช้งาน แนะนำให้ลอกแล้วติดใหม่จะดีที่สุด
ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาที่บานปลาย รวมถึงเสียเงินซ่อมแซมในจำนวนมหาศาล ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพบ้านทุกตารางนิ้ว และสังเกตว่าจุมีดไหนรั่วซึม มีรอยร้าว หรือเกิดปัญหาที่ต้องซ่อมแซมเป็นการด่วนหรือไม่! และหากใครที่กำลังมีแพลนปรับปรุง หรือรีโนเวทบ้านใหม่ สิ่งที่ไม่ควรข้าม และต้องคำนึงถึง มีดังนี้
1. ตั้งงบประมาณสำหรับการปรับปรุงซ่อมบ้านใหม่
2. ออกแบบบ้านใหม่ให้มีความแข็งแรงทนทาน และมีโครงสร้างที่เหมาะสม
3. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างบ้าน และการออกแบบบ้านที่เหมาะสม
4. หาแรงบันดาลใจจากแบบบ้านที่ชอบ และปรับแต่งให้เหมาะกับสไตล์คุณ
5. เลือกสถาปนิก และช่างที่มีความรู้ความชำนาญ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และให้คำปรึกษาได้
6. จัดแบ่งพื้นที่ภายในบ้านให้เหมาะสมแก่การใช้งาน
7. ออกแบบบ้านให้เหมาะกับสมาชิกที่อยู่อาศัย
8. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และมีคุณภาพ ได้มาตรฐานสำหรับการสร้างบ้าน
9. ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด เพื่อจะได้ไม่เกิดจำนวนเงินที่หาที่ไปไม่ได้
10. ออกแบบบ้านโดยคำนึงถึงความสุขของตัวเอง และสมาชิกภายในบ้านเป็นหลัก
อย่างที่พี่เข้กล่าวไว้ทุกบทความว่า บ้านจะออกมาสวย และมีคุณภาพนอกจากต้องเลือกช่างที่มีความรู้ ความชำนาญแล้ว ต้องเลือกผลิตภัณฑ์การสร้างบ้านที่มีประสิทธิภาพ! โดยผลิตจระเข้มีทั้ง สีจระเข้ คัลเลอร์ซีเมนต์ ที่ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มีสาร Microban ช่วยยับยั้งเชื้อราดำ และตะไคร่น้ำ ทนต่อความชื้น ไม่มีปัญหาสีหลุดล่อน มอบบ้านสวยยาวนานกว่า 15 ปี และมีผลิตภัณฑ์กาวยาแนวที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ ไม่เกิดปัญหาชวนปวดหัวภายหลังแน่นอนครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
บ้านสไตล์มินิมอล เรียบง่าย สีคุมโทน มอบการพักผ่อนที่แสนสบาย
บ้านลื่น! อันตรายที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต
บ้านสไตล์โมเดิร์นคืออะไร ? มีทั้งหมดกี่แบบ ?