ประเด็นสำคัญ
- การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ควรเริ่มจากการเคลียร์ของใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เสียหายออกก่อน แล้วทำความสะอาดขัดคราบสกปรก คราบรา และปล่อยบ้านให้แห้ง
- เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ ควรเปิดประตูหน้าต่าง เปิดพัดลมระบายอากาศ และให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน เพื่อให้ความชื้นออกจากบ้าน และมีอากาศหมุนเวียนได้ดี
น้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายบ้านต้องเจอในช่วงหน้าฝน หรือตอนที่เกิดเกิดพายุหนัก ๆ ที่ไม่เพียงแค่ทำให้บ้านเสียหายต้องซ่อมแซม แต่ยังพาสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้ามาในบ้านอีก เท่านั้นไม่พอยังมีเรื่องความชื้น ที่เป็นสาเหตุหลักของเชื้อราและกลิ่นอับอีก วันนี้จระเข้ก็เลยมีวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม พร้อมเทคนิคการทำให้บ้านแห้งเร็ว ลดความชื้นเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา พร้อมแล้วไปดูกันเลย!
4 ขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านหลังจากน้ำท่วม
1. เก็บกวาดสิ่งของที่เปียกน้ำออกจากบ้าน
"เก็บของเปียกน้ำออกไปทิ้งหรือตากให้แห้งก่อน"
พอน้ำลดแล้ว เก็บสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านต่าง ๆ เช่น พรม เฟอร์นิเจอร์ไม้ ผ้าห่ม และเครื่องนอนที่โดนน้ำออกจากบ้านไปก่อน โดยนำออกไปตากแห้งกลางแดดจัด หรือตากลมให้แห้งก่อนนำกลับมาใช้ หากมีสิ่งของที่ชำรุดหรือเสียหายควรทิ้งไปเลย เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราหรือเป็นที่สะสมของเชื้อโรค
2. ล้างพื้นบ้านและผนังด้วยน้ำสะอาด
"ฉีดน้ำล้างคราบต่าง ๆ ให้หมด"
ใช้สายยางฉีดหรือปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดล้างผนังและพื้น โดยเริ่มจากบนลงล่างตามลำดับ โดยฉีดน้ำสะอาดลงไปที่คราบโคลน คราบสกปรกต่าง ๆ หลังจากนั้นใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผงซักฟอกผสมน้ำ หรือผสมคลอรีน 1 ซีซี. กับน้ำสะอาด 1 ลิตร แล้วฉีดพ่นหรือล้างอีกครั้งเพื่อฆ่าเชื้อโรคและลดกลิ่นอับ โดยอย่าลืมใช้แปรงขัดเพื่อขจัดคราบสกปรกออกให้ทั่วถึงด้วย
3. ขัดคราบสกปรกที่ฝังแน่น
"ขัดคราบราออกให้หมด ป้องกันเชื้อโรค"
หากมีคราบสกปรกที่ติดแน่นบนพื้นหรือผนัง ใช้แปรงขนแข็งหรือฟองน้ำชุบน้ำสบู่ หรือผงซักฟอกแล้วขัดออก โดยให้เน้นที่มุมห้อง หรือบริเวณที่มีคราบสกปรกเกาะติดอยู่เยอะ ถ้าเจอเชื้อราก็ควรจะกำจัดออกให้หมด เพื่อป้องกันเชื้อโรคกระจายตัว สำหรับเคล็ดลับกำจัดเชื้อราเบื้องต้น ทำได้ดังนี้
- น้ำส้มสายชู ใส่น้ำส้มสายชูในขวดสเปรย์ แล้วฉีดพ่นลงบนคราบโดยตรง ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ
- น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือคลอรีนกับน้ำสะอาด ในอัตราส่วน 1:1 ลิตร ฉีดลงบนคราบเชื้อราแล้วทิ้งไว้ 10-20 นาที จากนั้นทำความสะอาดซ้ำและล้างด้วยน้ำสะอาด
4. เช็ดบ้านให้แห้ง
"เช็ดบ้านให้แห้ง ระบายอากาศ ป้องกันความชื้นสะสม"
หลังจากทำความสะอาดครบทุกจุดแล้ว อย่าเพิ่งจัดของกลับเข้ามาในบ้าน ต้องทำบ้านให้แห้งก่อน โดยใช้ผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดตามจุดต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราเพราะความชื้นที่ยังหลงเหลืออยู่ และควรจะเปิดประตูหน้าต่างให้แสงสว่าง ความร้อนเข้ามาในบ้าน และยังได้ระบายอากาศสกปรกที่สะสมในบ้านให้ออกไปด้วย
เคล็ดลับทำให้บ้านแห้งเร็วและลดความชื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา
- เปิดประตูและหน้าต่าง พอทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว ควรเปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน ให้ความชื้นระบายออกไปได้ดีขึ้น ยิ่งถ้าเป็นวันที่แดดจัดก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยกำจัดกลิ่นอับและป้องกันเชื้อโรคด้วย
- ใช้เครื่องดูดความชื้น เครื่องดูดความชื้นถือเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยลดระดับความชื้นในบ้านได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในห้องที่ปิดหรือไม่มีหน้าต่าง เช่น ห้องน้ำและห้องใต้ดิน ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับได้ดี
- ใช้พัดลมช่วย พัดลมในที่นี้อาจเป็นทั้งพัดลมธรรมดาเปิดเป่าลมให้อากาศไหลเวียน ความชื้นออกจากบ้านได้เร็วขึ้น หรือจะเป็นพัดลมดูดอากาศที่ช่วยระบายความชื้นออกไปภายนอกได้ดีกว่าเดิม
ล้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งชะล่าใจรีบเข้าอยู่ เช็กระบบและพื้นที่ต่าง ๆ ก่อนว่ามีตรงไหนที่ต้องซ่อมแซม เพื่อให้กลับมาอยู่บ้านได้สบาย ปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัว
ล้างบ้านเรียบร้อยแล้ว ลองมาเช็กดูหน่อยว่าตรงไหนของบ้านที่ต้องซ่อมแซมอีก
- ไฟฟ้า ควรเรียกช่างมาเช็กปลั๊กไฟ สวิตช์ และเบรกเกอร์ไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบสายไฟด้วยว่ามีรอยเปียกชื้นหรือไม่ พร้อมทั้งเช็กเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านว่าสามารถทำงานได้ปกติ เพื่อให้ปลอดภัยต่อการกลับเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้าน
- ประปา เช็กดูก่อนว่าท่อน้ำและก๊อกน้ำมีส่วนไหนแตกเสียหายหรือรั่วซึมจากแรงดันน้ำหรือไม่ รวมถึงดูถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำว่ามีตะกอนสะสมเพื่อป้องกันน้ำในบ้านปนเปื้อนเชื้อโรค
- พื้นและผนัง เช็กดูว่ามีรอยแตกร้าวหรือบวม จากแรงดันของน้ำที่ท่วมขังบ้างหรือไม่ หากพบว่าบวมหรือมีรอยแตกร้าว ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเสี่ยง และวางแผนการซ่อมแซมต่อไป
- ฐานราก เช็กว่ารากฐานบ้านทรุดตัว หรือมีรอยแตกร้าวจากแรงดันของน้ำหรือไม่ เพราะถ้าดินรอบบ้านทรุดตัว อาจส่งผลต่อโครงสร้างโดยรวมของบ้าน และอาจเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้
เจอเชื้อราบนพื้นและผนัง ทำอย่างไรดี?
น้ำลดแล้วเจอปัญหาเชื้อราบนพื้นและผนัง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี กลัวเชื้อโรคกระจายในบ้าน จระเข้รวบรวมมาให้แล้ว กับวิธีกำจัดเชื้อราให้หายวับไม่กลับมาอีก โดยใช้ของที่หาได้ในบ้าน จะมีวิธีไหนบ้าง ตามไปดูกันได้เลย 7 วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังและกำแพง ให้หายวับไม่กลับมาอีก!
เจอตะไคร่เพราะน้ำท่วม อย่าลืมเลือกน้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ
ภาพ: น้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ
บ้านไหนพอล้างบ้านหลังน้ำท่วมเสร็จแล้ว ยังเจอคราบตะไคร่น้ำบนพื้นบ้าน ขัดเท่าไหร่ก็ขัดไม่ออก อย่าลืมใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่างน้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ น้ำยาที่ออกแบบมาสำหรับขจัดคราบตะไคร่โดยเฉพาะ ใช้งานง่ายไม่ต้องผสมน้ำ มาพร้อมคุณสมบัติอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
- ไม่ทำให้พื้นผิวเสียหาย ไม่มีสารตกค้าง
- ขจัดคราบเชื้อรา ตะไคร่ สาหร่าย และพืชสีเขียวอื่น ๆ จนถึงราก
- ใช้ทำความสะอาดคราบเชื้อราบนพื้นปูนและในสระว่ายน้ำได้
ชมรายละเอียดน้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ สั่งซื้อน้ำยาจระเข้ ขจัดคราบตะไคร่น้ำ
อยากได้ผลิตภัณฑ์จระเข้มาดูแลบ้าน ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันได้ที่เว็บไซต์จระเข้ เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ หรือจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราดูก่อนก็ได้ ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหนดี ให้ตอบโจทย์บ้านของเรามากที่สุด