ประเด็นสำคัญ
- พื้นไม้จริงและพื้นไม้ปาร์เก้ต่างก็เป็นวัสดุปูพื้นที่ทำจากไม้จริง ต่างกันที่ไม้จริงส่วนใหญ่จะเป็นไม้ชิ้นใหญ่ทั้งชิ้น แต่ไม้ปาร์เก้จะเป็นไม้ชิ้นเล็กนำมาเรียงเป็นรูปต่าง ๆ ตามการตกแต่งที่ต้องการ
- สำหรับการเลือกใช้ไม้จริงและไม้ปาร์เก้นั้น ควรดูที่งบประมาณที่มี เพราะไม้ทั้งสองชนิดมีรูปแบบ ราคา และขั้นตอนการติดตั้งที่ต่างกัน ควรเลือกจากความต้องการในการตกแต่ง จะช่วยเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ไม้ถือเป็นวัสดุปูพื้นที่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่น น่าอยู่ขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์ไหนก็เลือกตกแต่งให้เข้ากันได้ สำหรับใครที่อยากจะปูพื้นบ้านด้วยไม้ ก็มีให้เลือกทั้งพื้นไม้จริงและพื้นไม้ปาร์เก้ สำหรับใครที่สงสัยว่าวัสดุทั้งสองประเภทนี้ต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียตรงไหน และควรเลือกอย่างไรดี จระเข้ได้รวบรวมความรู้ดี ๆ มาฝากแล้ว!
พื้นไม้จริง VS พื้นไม้ปาร์เก้ ต่างกันตรงไหนบ้าง?
คุณสมบัติ | ไม้จริง | ไม้ปาร์เก้ |
---|---|---|
วัสดุ | ไม้แท้ทั้งชิ้น เป็นได้ทั้งไม้เนื้ออ่อนอย่างไม้สน หรือไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า | ไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อนจากเศษไม้ที่เหลือการผลิต เรียงต่อกันเป็นลวดลาย |
ความหนา | 1.8–2.5 เซนติเมตร | 1–1.5 เซนติเมตร |
ความสวยงาม | สีสันและลวดลายเนื้อไม้ธรรมชาติ ไม่ซ้ำกัน | จัดวางได้หลายแบบ เช่น ก้างปลา ตาราง ซิกแซก |
ความแข็งแรง | แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี ขัดผิวให้ดูเหมือนใหม่ได้เสมอ ใช้งานได้ 20-50 ปี | แข็งแรงน้อยกว่า แต่พอเหมาะกับการใช้งานภายใน ใช้งานได้ 10-20 ปี |
การดูแลรักษา | ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ขัดผิวและเคลือบเงาทุก 3-5 ปี | ทำความสะอาดทั่วไป แต่ต้องระวังน้ำซึมผ่านรอยต่อ |
ราคา | ประมาณ 1,800–3,500 บาท/ตารางเมตร | ประมาณ 800 – 1,500 บาท/ตารางเมตร |
พื้นไม้จริง
“ไม้จริงจากธรรมชาติ ไม่ผสมวัสดุอื่น ๆ”
พื้นไม้จริงเป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากไม้ธรรมชาติ ไม่ผสมวัสดุอื่น อาจเป็นได้ทั้งไม้ที่ปลูกในไทยและไม้นำเข้าจากต่างประเทศ โดดเด่นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะลวดลายไม้แต่ละแผ่นจะแตกต่างกันไปตามธรรมชาติ โดยพื้นไม้จริงแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สนนำเข้า ไม้สนไทย มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย แต่ความทนทานจะน้อยกว่าไม้เนื้อแข็ง
- ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า หรือไม้มะเกลือ โดดเด่นที่ความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก และเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูง
ข้อดีของพื้นไม้จริง ทำไมน่าเลือกใช้?
“ใช้งานได้หลายสิบปี ลายเป็นเอกลักษณ์ ขัดให้ใหม่ได้เสมอ”
- แข็งแรง พื้นไม้จริงใช้งานได้ยาวนานถึง 20-50 ปีหรือมากกว่า หากดูแลอย่างถูกวิธี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และโถงทางเดิน
- ลายเป็นเอกลักษณ์ ลายไม้ธรรมชาติช่วยเพิ่มความหรูหราและความอบอุ่นให้กับภาพรวมของห้องต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสีและลวดลายเฉพาะตัวตามความชอบได้
- ดูใหม่เสมอ แม้จะใช้งานไปนาน ๆ จนเกิดรอยขีดข่วน พื้นไม้จริงสามารถขัดและเคลือบผิวใหม่ได้หลายครั้ง เพื่อแก้ไขร่องรอยและความเสียหายเล็กน้อย คืนความสวยงามและความสดใสให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ
ข้อเสียของพื้นไม้จริงที่ควรรู้ไว้ก่อน
- ราคาแพง พื้นไม้จริงมีราคาสูงกว่าไม้ปาร์เก้หรือวัสดุอื่น เพราะต้องใช้ไม้แท้จากธรรมชาติทั้งชิ้น และใช้การผลิตหรือการแปรรูปที่ซับซ้อน
- ไวต่อความชื้น พื้นไม้จริงอาจบวมหรือหดตัวได้ เมื่อสัมผัสกับความชื้น น้ำ หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง จึงไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว
- ติดตั้งยุ่งยาก การติดตั้งพื้นไม้จริงต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ติดตั้งพื้นได้แบบมีคุณภาพ เรียบ ได้ระดับ ป้องกันความเสียหายที่ต้องตามซ่อมแซมในอนาคต
วิธีดูแลพื้นไม้จริงให้สวยงาม ใช้งานได้นาน
1. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดพื้นไม้จริงอย่างถูกวิธีช่วยป้องกันความเสียหายและคงความเงางามของพื้นไม้ โดยควรใช้ไม้กวาดที่มีขนนุ่ม หรือเครื่องดูดฝุ่น ที่ออกแบบมาสำหรับพื้นไม้ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน และใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ด ที่สำคัญควรใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
2. ระวังเรื่องรอยขีดข่วน
เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนจากเฟอร์นิเจอร์ ควรใช้ตัวช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ติดแผ่นยางรองใต้ขาโต๊ะ เก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เพื่อลดแรงเสียดสีเมื่อต้องเคลื่อนย้าย และหลีกเลี่ยงการลากเฟอร์นิเจอร์เมื่อต้องเคลื่อนย้าย
3. ควบคุมความชื้น
ถ้าบ้านไหนอยู่ใกล้แหล่งน้ำหรือมีความชื้นสูง ลองใช้เครื่องลดความชื้นในอากาศเป็นตัวช่วย เพื่อรักษาความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับ 30-50% และถ้ามีน้ำหกบนพื้นควรรีบเช็ดออกทันที เพื่อป้องกันรอยด่างหรือไม้บวม
4. หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
เพื่อป้องกันพื้นไม้ไม่ให้สีซีดจาง ควรหลีกเลี่ยงแสงสว่างที่ส่องเข้าบ้านโดยตรง อาจติดตั้งผ้าม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติม เพื่อป้องกันแสงและความร้อนกระทบกับพื้น หรือจะเลือกติดฟิล์มกรองรังสี UV ที่หน้าต่างก็ได้เช่นกัน
เคล็ดลับเลือกพื้นไม้จริงมาตกแต่งบ้าน
1. เลือกประเภทไม้ตามพื้นที่ใช้งาน
- พื้นที่ที่ใช้งานหนัก ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน ที่มีคนเดินผ่านบ่อย ๆ ควรเลือกไม้เนื้อแข็งที่ทนต่อการสึกหรอ เช่น ไม้สัก หรือไม้มะค่า เพราะรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
- พื้นที่ที่ต้องการบรรยากาศอบอุ่น อย่างเช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ควรเลือกไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สน ไพน์ หรือไม้โอ๊ค ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล
2. ตรวจสอบลวดลาย สีสัน
เพราะพื้นไม้จริงมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ทั้งสีและลวดลายของไม้ ก่อนเลือกซื้อจึงควรตรวจสอบความสม่ำเสมอของเนื้อไม้ เช่น สีและลวดลาย เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีรอยตำหนิ หรือความเสียหาย เพราะจะทำให้บ้านไม่ได้มาตรฐาน อาจจะต้องตามซ่อมแซมกันในภายหลัง
3. เคลือบผิวไม้เพื่อความทนทาน
การเคลือบผิวไม้ถือเป็นตัวช่วยเพิ่มความทนทานให้กับพื้นไม้จริง และทำให้สีสันลวดลายไม้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย โดยรูปแบบการเคลือบผิวเลือกได้ดังนี้
- เคลือบมันเงา เหมาะสำหรับบ้านที่เน้นความหรูหรา และต้องการให้พื้นดูเงางาม นอกจากนี้ยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- เคลือบด้าน เหมาะสำหรับใครที่ต้องการให้พื้นไม้ดูเป็นธรรมชาติ และไม่สะท้อนแสงมากเกินไป
- เคลือบชนิดอื่น ๆ เช่น Satin หรือ Semi-gloss เป็นสีกึ่งเงา เหมาะกับบ้านที่ต้องการบาลานซ์ระหว่างความเงางามและความเป็นธรรมชาติ
พื้นไม้ปาร์เก้
“ไม้แท้ชิ้นเล็ก จัดวางเป็นลายต่าง ๆ ตามต้องการ”
พื้นปาร์เก้ (Parquet Flooring) เป็นวัสดุปูพื้นที่ทำจากไม้แท้เช่นเดียวกับพื้นไม้จริง แต่แตกต่างตรงที่ไม้จะถูกตัดแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อนำมาจัดเรียงเป็นลวดลายตามที่ต้องการ เช่น ลายก้างปลา (Herringbone) ลายขวางสลับ (Chevron) หรือ ลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน จึงเหมาะกับใครที่ชอบแต่งบ้าน อยากเพิ่มความโดดเด่นและเอกลักษณ์ แต่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติของไม้เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของพื้นไม้ปาร์เก้ โดดเด่นอย่างไรบ้าง?
“ราคาจับต้องได้ ติดตั้ง ซ่อมแซมสะดวก และดีต่อโลก”
- ราคาเข้าถึงง่าย ราคาพื้นไม้ปาร์เก้มักมีราคาถูกกว่าพื้นไม้จริงแบบแผ่นใหญ่ เพราะใช้ไม้ชิ้นเล็กอาจเป็นไม้ที่เหลือจากไม้ชิ้นใหญ่ก็ได้เช่นกัน จึงตอบโจทย์ผู้ที่มีงบแต่งบ้านจำกัด แต่อยากได้ลายไม้เป็นธรรมชาติ
- ติดตั้งและดูแลง่าย พื้นไม้ปาร์เก้มีขนาดเล็กและมีระบบการติดตั้งที่ง่ายกว่าโดยใช้กาวหรือตะปูพิเศษ และยังซ่อมแซมได้สะดวก โดยซ่อมแซมเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องรื้อพื้นทั้งหมดออกไป
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ไม้ชิ้นเล็กที่เหลือจากการผลิตไม้ขนาดใหญ่ พื้นไม้ปาร์เก้จึงช่วยลดการใช้ไม้จากธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง โดยยังให้ความรู้สึกแบบไม้จริงทั้งแผ่นได้อยู่
ข้อเสียของพื้นไม้ปาร์เก้ที่ควรรู้ไว้ก่อน
- รับน้ำหนักได้ไม่มาก เพราะพื้นไม้ปาร์เก้ทำจากไม้ชิ้นเล็กต่อกัน ทำให้รับน้ำหนักได้น้อยกว่าไม้ธรรมชาติชิ้นเดียว มีโอกาสหลุดล่อน จึงไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น โถงทางเดิน ห้องนั่งเล่น
- ไวต่อความชื้น เพราะมีรอยต่อระหว่างชิ้นไม้จำนวนมาก หากน้ำหรือความชื้นซึมเข้าไปตามรอยต่อของไม้ อาจทำให้พื้นเกิดการบวม หรือพองตัวได้
- ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะซ่อมแซมเฉพาะจุดได้ แต่การซ่อมพื้นไม้ปาร์เก้ ต้องเลือกสีและลวดลายของไม้ที่เปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับไม้เดิม จึงต้องใช้บริการช่างผู้เชี่ยวชาญและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
วิธีดูแลพื้นไม้ปาร์เก้เบื้องต้น สำหรับคนรักบ้าน
1. ทำความสะอาดเป็นประจำ
การดูแลความสะอาดพื้นไม้ปาร์เก้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนและคราบสกปรกที่อาจฝังในเนื้อไม้และร่องระหว่างชิ้นไม้ โดยควรใช้ไม้กวาดขนนุ่ม และน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดทำลายพื้นผิว
2. หลีกเลี่ยงความชื้นและน้ำ
เพราะเป็นไม้จริง พื้นไม้ปาร์เก้จึงมีโอกาสบวม พอง หรือเกิดเชื้อราได้หากเจอกับน้ำและความชื้นโดยตรง ดังนั้นควรซับน้ำออกทันทีที่มีน้ำหก หากจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดพื้นก็ควรจะบิดให้หมาด อย่าให้เปียกมากเกินไป และควรจะเปิดหน้าต่างหรือระบายอากาศในห้องเป็นประจำ เพื่อป้องกันความชื้นสะสม
3. เคลือบผิวเพิ่มความทนทาน
การเคลือบพื้นไม้ปาร์เก้ช่วยปกป้องพื้นจากรอยขีดข่วนและรักษาความเงางาม ควรทำการเคลือบทุก 2-3 ปี โดยใช้แล็กเกอร์หรือแว็กซ์ที่เหมาะสำหรับพื้นไม้ปาร์เก้ โดยก่อนการเคลือบควรขัดพื้นเบา ๆ ด้วยกระดาษทรายเพื่อให้ผิวไม้เรียบเนียน การเคลือบพื้นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสียหายจากการใช้งานหนักและยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ให้ยาวนานขึ้น
เคล็ดลับเลือกพื้นไม้ปาร์เก้ให้เข้ากับบ้าน
1. เลือกลายให้เหมาะกับสไตล์การแต่งบ้าน
- ลายก้างปลา (Herringbone) เป็นลายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะให้ความหรูหราและคลาสสิก เหมาะกับบ้านที่ตกแต่งในสไตล์วินเทจ สไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์ร่วมสมัย ซึ่งเน้นการตกแต่งที่ดูมีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์
- ลายตรง ถือเป็นลายที่เรียบง่ายและทันสมัย เลือกใช้ได้กับไม้หลายโทนสีทั้งเข้มและอ่อน เหมาะกับบ้านที่ตกแต่งในสไตล์มินิมอลหรือสไตล์โมเดิร์น เน้นเรื่องความโล่ง โปร่ง สบายตาและความเรียบง่าย
- ลายเชฟรอน (Chevron) ลายที่ให้ความรู้สึกหรูหราและมีมิติสูง ลักษณะคล้ายกับลายก้างปลา แต่แผ่นไม้จะตัดเฉียงเป็นมุม 45 องศา และจัดวางเรียงเป็นตัว V อย่างเป็นระเบียบ เหมาะกับบ้านที่ต้องการความทันสมัยและโดดเด่น
2. เลือกวิธีการติดตั้งที่เหมาะสม
พื้นไม้ปาร์เก้เป็นพื้นที่มีวิธีติดตั้งให้เลือกหลายแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะการสร้างบ้าน รูปแบบการใช้งานของห้องนั้น ๆ และงบประมาณที่มี ซึ่งเลือกได้ดังต่อไปนี้
- การติดตั้งด้วยกาว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก เพราะวิธีนี้ทำให้พื้นติดแน่นกับพื้นปูน รองรับน้ำหนักได้ดี และทนทานต่อการใช้งาน
- การติดตั้งแบบตะปูหรือคลิปล็อก เป็นวิธีที่ยากกว่าเพราะต้องเว้นระยะไม้ให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยตะปู แต่ก็เป็นวิธีที่ทำให้ได้พื้นที่ทนทาน และเหมาะกับบ้านที่ต้องการพื้นที่ดูเป็นระเบียบและทนต่อการใช้งานหนัก วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ หรือมีการสัญจรผ่านอยู่ตลอด
ปรับพื้นให้เรียบก่อนปูไม้ปาร์เก้ ต้องเลือกจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่ง
ภาพ: การใช้งานจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่ง
เพื่อให้ปูไม้ปาร์เก้ได้เรียบเนียนได้ระดับ ควรจะปรับระดับพื้นกันก่อนด้วยจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่ง ปูนปรับระดับพื้นชนิดไหลตัวได้ (Self-Leveling) ที่ยึดเกาะกับผิวซีเมนต์ได้ดี แห้งเร็ว ใช้ง่ายเพียงผสมน้ำ รับแรงได้สูงและไม่หดตัว ทำให้พื้นผิวเรียบเนียน ตกแต่งต่อได้ภายใน 16 ชั่วโมง ใช้งานได้ตั้งแต่ปรับพื้นบาง ๆ จนถึง 125 มม. (5 นิ้ว) โดยไม่หลุดล่อนด้วย
- ผสมน้ำแล้วเท ไหลปรับพื้นได้เอง ไหลตัวได้ดี โดยไม่ต้องใช้เกรียงปาด ไม่ใช้ปั๊มช่วย
- ยึดเกาะดีมีส่วนผสมของพอลิเมอร์ ไม่มีส่วนผสมของยิปซั่มและโปรตีน
- แห้งเร็วภายใน 3-4 ชั่วโมง พื้นผิวแกร่ง ไม่เป็นฝุ่น และไม่หดตัว รับแรงได้ภายในเวลาอันสั้น
- เหมาะกับงานปรับพื้น เตรียมพื้นผิวซีเมนต์ เพื่อปูไม้ปาร์เก้ ไม้ลามิเนต กระเบื้องยาง ปูพรม และกระเบื้องเซรามิก
ชมรายละเอียดจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่ง สั่งซื้อจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่ง
จะเห็นได้ว่าพื้นไม้จริงกับพื้นปาร์เก้นั้นสวยงาม แข็งแรงแตกต่างกันออกไป สำหรับวัสดุไม้จริงจะโดดเด่นในเรื่องความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ แต่ก็มีราคาค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบในการสร้างหรือตกแต่งบ้านสูง
สำหรับพื้นไม้ปาร์เก้ที่มีราคาถูกกว่านั้น จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบค่อนข้างจำกัด โดยยังได้ความสวยงามอบอุ่นแบบไม้อยู่ แต่ในเรื่องความทนทานก็อาจจะใช้งานได้สั้นกว่าไม้จริง ดังนั้นถ้าต้องการเลือกพื้นไม้ให้เหมาะสม ก็ควรเลือกที่งบประมาณที่มี สไตล์การตกแต่งที่ต้องการ และการดูแลรักษาที่สะดวก ใครที่สนใจเลือกไม้ปาร์เก้ไปตกแต่งบ้าน ก็ลองศึกษากันดูต่อได้ที่ ปูพื้นปาร์เก้ต้องเตรียมพื้นผิวเดิมให้พร้อมอย่างไรบ้าง?
เสริมแรงยึดเกาะให้ปูนปรับระดับ ต้องเลือกจระเข้ ไพร์มเมอร์ เอส
ภาพ: เคมีก่อสร้างจระเข้
บ้านไหนที่อยากจะปรับระดับพื้นให้ได้คุณภาพยิ่งกว่าเดิม จระเข้มีตัวช่วยเสริมความแข็งแกร่งอย่างจระเข้ ไพร์มเมอร์ เอส น้ำยาทารองพื้นสำหรับปูนปรับระดับ เป็นน้ำยาลาเท็กซ์ โพลิเมอร์ ที่มีคุณสมบัติเป็นน้ำยาประสาน ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะ ใช้งานง่ายเพียงผสมน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด แล้วทาลงบนพื้นผิวคอนกรีตด้วยแปรงไนลอน จากนั้นก็ปล่อยให้แห้งแล้วปรับระดับด้วยจระเข้ เซลฟ์-เลเวลลิ่งภายใน 24 ชั่วโมง
- เพิ่มการยึดเกาะและช่วยปิดผิวใช้ในงานทารองพื้นก่อนปรับระดับ
- ลดการเกิดฟองอากาศบนผิวหน้าบนปูนปรับระดับ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับพื้นผิวเดิม
ชมรายละเอียดจระเข้ ไพร์มเมอร์ เอส สั่งซื้อจระเข้ ไพร์มเมอร์ เอส
อยากได้ผลิตภัณฑ์จระเข้มาดูแลบ้าน ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันได้ที่เว็บไซต์จระเข้ เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ หรือจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราดูก่อนก็ได้ ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหนดี ให้ตอบโจทย์บ้านของเรามากที่สุด