ประเด็นสำคัญ
- ห้องครัวต้องเจอทั้งความร้อนและความชื้น จึงควรเลือกประตูห้องครัวที่ทนทาน ทนต่อแรงกระแทก ทำความสะอาดง่าย และเข้ากับสไตล์การตกแต่ง เพื่อให้ภาพรวมของบ้านออกมาสวยเป๊ะ น่าอยู่มากกว่าเดิม
- วัสดุที่ใช้ทำประตูห้องครัวมีให้เลือกหลายประเภท ทั้งไม้ธรรมชาติ ไม้สังเคราะห์ ยูพีวีซี ไปจนถึงประตูกระจก จึงควรเลือกให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานและการตกแต่งของแต่ละบ้าน เพื่อให้ได้ประตูครัวที่ตอบโจทย์ ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่ากับการติดตั้งมากที่สุด
พ่อบ้านแม่บ้านที่ชอบทำอาหารและแต่งครัวให้สวยเป็นชีวิตจิตใจ รู้หรือไม่ว่าประตูห้องครัวนั้นสำคัญกว่าที่คิดเยอะ เพราะห้องครัวก็เป็นอีกห้องที่เราใช้งานกันเป็นประจำทุกวัน หากเลือกให้แข็งแรงทนทาน ก็จะใช้งานได้ยาวนานขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายซ่อมแซมกันบ่อย ๆ แถมถ้าเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่ง ก็ช่วยทำให้บ้านน่าอยู่มากกว่าที่เคย เชื่อมต่อห้องต่าง ๆ ให้เข้ากันทั้งบ้าน
แต่ประตูครัวก็มีให้เลือกหลายแบบ ควรทำความรู้จักกันให้ดีก่อนเลือกมาใช้งาน จระเข้เลยมีความรู้ดี ๆ มาฝากใครที่กำลังหาว่าประตูห้องครัวแบบไหนดี ก่อนอื่นเราไปเริ่มกันก่อนเลยว่าถ้าจะเลือกประตูสำหรับห้องครัว เราต้องดูที่อะไรบ้าง?
เลือกประตูห้องครัวต้องดูที่อะไรบ้าง?
1. ทนความร้อนความชื้น
ภาพ: ประตูห้องครัว
ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด แถมหลังทำอาหารก็ต้องล้างจานกันยกใหญ่ ความชื้นจากการทำความสะอาดจึงตามมาด้วย ดังนั้นนอกจากพื้น ผนัง หรือตู้เก็บของแล้ว ประตูห้องครัวก็ควรจะมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อความร้อนและความชื้นด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาประตูเสียหาย รั่วซึม ทำให้ต้องเปลี่ยนกันใหม่ทั้งบาน
2. ทำความสะอาดง่าย
ภาพ: การทำความสะอาดประตู
ความเลอะเทอะ คราบสกปรกที่ไม่น่ามอง ปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ แมลงสาบหรือมดคงได้ตามมาแน่ ประตูห้องครัวเองก็มีโอกาสที่จะสัมผัสกับคราบสกปรกต่าง ๆ ได้เช่นกัน จึงควรเลือกประตูที่ทำความสะอาดง่าย ไม่มีขั้นตอนบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก เพียงใช้น้ำและน้ำยาทำความสะอาดทั่วไปเช็ดได้ตามปกติ และควรเลือกประตูครัวที่มีพื้นผิวเรียบเนียน ทำให้คราบสกปรกเกาะติดได้ยาก จะช่วยลดโอกาสเกิดคราบฝังแน่นได้อีกทางหนึ่ง
3. สไตล์การตกแต่งห้องครัว
ภาพ: ห้องครัวแบบร่วมสมัย
นอกจากการใช้งาน และการดูแลรักษาแล้ว บอกเลยว่าการตกแต่งก็เป็นอีกปัจจัยที่นำมาใช้เลือกประตูห้องครัวได้ ควรจะเลือกประตูที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้าน โดยไม่ลืมคำนึงถึงการใช้งาน และขนาดพื้นที่ในบ้าน โดยรูปแบบประตูครัวที่นิยมใช้กันจระเข้นำมาฝากกันแล้ว
ภาพ: ห้องครัวประตูบานเปิด
- ประตูบานเปิด ไม่ว่าห้องครัวสไตล์ไหน จะโมเดิร์น ย้อนยุค หรือร่วมสมัย ประตูบานเปิดก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นแบบมาตรฐานที่เปิด-ปิด ด้วยการดึงและผลัก เลือกได้ว่าจะติดตั้งให้เปิดได้ 90 หรือ 180 องศา และยังเลือกวัสดุและรูปแบบได้ตามต้องการ
ภาพ: ประตูครัว
- ประตูบานสวิง ถือของเยอะไม่ต้องกังวลว่าจะเปิดประตูไม่ได้ เพราะประตูบานสวิงผลักได้ทั้งสองทาง จะเข้าจากทางไหนก็ดันเปิดได้เลยตามสะดวก แถมยังช่วยเปลี่ยนบ้านให้โมเดิร์นทันสมัยกว่าเดิมด้วย
ภาพ: ห้องครัวประตูบานเลื่อน
- ประตูบานเลื่อน ห้องครัวเล็ก บ้านมีที่น้อย ติดประตูบานเปิดหรือสวิงอาจจะทำให้พื้นที่น้อยลง ลองเปลี่ยนมาเป็นประตูบานเลื่อนที่ใช้พื้นที่ติดตั้งไม่เยอะ และถ้าใช้เป็นประตูกระจก ก็จะยิ่งดูโล่ง สบายตามากกว่าเดิม
เพราะวัสดุทำประตูครัวมีให้เลือกหลายแบบ ตามจระเข้ไปดูกันต่อว่าจะเลือกประตูห้องครัวแบบไหนดี ให้ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน แถมยังตกแต่งห้องครัวให้ออกมาสวยตอบโจทย์ความต้องการ
เลือกวัสดุประตูห้องครัวแบบไหนดีใช้งานได้นาน ทนร้อนทนชื้น
1. ประตูไม้ เน้นแต่งครัวให้ตรงตามใจ ไม่เน้นทำอาหารเยอะ
ภาพ: ห้องครัวประตูไม้
สายเน้นแต่งครัวให้ตรงตามใจ ไม่เน้นทำอาหารเยอะ ควรเลือกประตูไม้ เพราะสวยงาม มีสีสันลวดลายเป็นธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้โอ๊ค ซึ่งมีระดับราคาแตกต่างกันออกไปตามชนิดของเนื้อไม้ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับห้องครัวที่ไม่ได้ใช้งานหนักมากนัก เพราะไม่ค่อยทนต่อความชื้นและความร้อน จะต้องบำรุงรักษากันเป็นประจำ
ข้อดี: สวยงามเป็นธรรมชาติ ประตูแต่ละบานมีสีสันลวดลายไม่ซ้ำกัน เข้ากับห้องครัวได้หลายสไตล์
ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง ไม่ค่อยทนต่อความร้อนและความชื้นมากนัก
2. สายจัดหนัก ทอด ผัด ปิ้งต้องประตู WPC (Wood-Plastic Composite)
ภาพ: ตัวอย่างไม้ WPC
จะทอด ผัด หรือทำหมูกระทะกินกันที่บ้านก็ไม่กลัวความร้อนต้อง WPC (Wood-Plastic Composite) ซึ่งเป็นไม้สังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนไม้จริง ซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นประตูห้องครัว เพราะประตูครัวประเภทนี้ผลิตจากไม้บดผสมกับพลาสติก แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นประตู ซึ่งคุณสมบัติเด่นของวัสดุประเภทนี้คือแข็งแรง ทนทานมาก ทนต่อความชื้นได้ดี ทนต่อความร้อน และไม่ลามไฟ รวมถึงกันปลวกและแมลงชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีลวดลายสวยงามเหมือนกับไม้ธรรมชาติอีกด้วย
ข้อดี: สีสันและลวดลายสวยงามเหมือนไม้ธรรมชาติ ทนความร้อน ความชื้น ปลอดภัยต่อปลวกและแมลง
ข้อเสีย: มีโอกาสที่สีจะซีดจางเมื่อใช้ไปนาน ๆ และหากขัดถูลวดลายไม้จะหายไปได้
3. สายรักษ์โลก ต้องเลือกประตูไม้ HDF (High Density Fiberboard)
ภาพ: ตัวอย่างไม้ HDF
ชอบทำอาหาร แถมยังรักษ์โลก อยากได้ประตูครัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น ต้องนี่เลยไม้ HDF (High Density Fiberboard) ซึ่งเป็นวัสดุที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ หรือแผ่นใยไม้ นำมาผสมกับกาวสังเคราะห์ และอัดขึ้นรูปด้วยความดันและความร้อนสูง ทำให้เส้นใยและกาวเป็นเนื้อเดียวกัน นิยมใช้ภายในบ้าน เพราะปลอดภัยจากปลวกและแมลง และยังทนแรงกระแทกจากการใช้งานได้ดี
ข้อดี: เนื้อแน่น ผิวเรียบเนียน แข็งแรง รับแรงกระแทกได้ดี ไม่ดูดซึมน้ำ จึงไม่บิดงอ หรือยืดหดตัว
ข้อเสีย: ทนต่อความชื้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถโดยน้ำตรง ๆ ได้
4. สาย Budget เน้นความคุ้มค่า ต้องประตูยูพีวีซี (uPVC)
ภาพ: ประตูยูพีวีซี
สาย Budget อยากได้ประตูราคาประหยัด ใช้ได้เต็มที่ เน้นความคุ้มค่า ประตูยูพีวีซี (uPVC: Unplasticized Poly Vinyl Chloride) ถือว่าตอบโจทย์แบบสุด ๆ เพราะมีราคาสบายกระเป๋า แต่ได้ประตูที่มีขนาดมาตรฐาน แข็งแรงทนทาน สีสันคงทนตลอดการใช้งาน ที่สำคัญคือทนต่อความชื้น จึงนิยมใช้เป็นประตูห้องน้ำด้วย และยังเป็นประตูห้องครัวมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน และป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และมีปัญหารั่วซึมต่ำกว่าแบบอื่นด้วย
ข้อดี: ราคาไม่สูง ทนความร้อนความชื้น ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และยังเป็นฉนวนกันความร้อนได้
ข้อเสีย: สีสันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก เพราะทำจากพลาสติก แต่หากเกิดร่องรอยเสียหายจะซ่อมแซมได้ยาก
5. เน้นความโปรงสบายต้องประตูกระจก
ภาพ: ห้องครัวประตูกระจก
สายเน้นแต่งบ้านให้โล่งโปร่ง มองวิวภายนอกได้เพลิน ๆ หรือมองเห็นคนในบ้านได้ง่าย ๆ ห้ามพลาดประตูกระจกโดยเด็ดขาด เพราะทำความสะอาดง่าย ออกแบบได้หลากหลาย ทั้งประตูกระจกบานเปลือย บานเลื่อน ทนต่อความร้อนความชื้น แต่ควรจะเลือกใช้เป็นกระจกเทมเปอร์ กระจกลามิเนต หรือกระจกนิรภัย เพราะหากเกิดความเสียหายจะไม่กระจายตัวจนเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน หากใช้ประตูห้องครัวแบบนี้ก็ยังช่วยเชื่อมต่อห้องต่าง ๆ ให้ดูต่อเนื่องกันมากขึ้นด้วย
ข้อดี: ช่วยตกแต่งครัวให้ดูทันสมัย ทำให้ภายในบ้านดูโล่งโปร่งมากขึ้น ทำความสะอาดง่าย ทนความร้อน ความชื้น
ข้อเสีย: มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วน หากไม่หมั่นทำความสะอาดก็ทำให้กระจกดูสกปรกได้ง่าย
เก็บรายละเอียดช่องว่างระหว่างประตูห้องครัวด้วย จระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส
ภาพ: จระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส
ถึงจะได้ประตูห้องครัวที่เหมาะสมกับการใช้งาน แถมยังเข้ากับการตกแต่งแล้ว แต่ทั้งห้องครัวสไตล์โมเดิร์น คลาสสิก ร่วมสมัย หรือสไตล์ไหน ๆ ก็อย่าลืมอุดรอยต่อระหว่างกรอบประตูและผนังด้วยจระเข้ อะคริลิก ซีล พลัส วัสดุอุดยาแนวประเภทอะคริลิกเกรดพิเศษสำเร็จรูป ใช้สำหรับยาแนวขอบประตูหน้าต่าง หรืออุดร่องทั่ว ๆ ไป เพราะมีข้อดีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น
- เนื้ออะคริลิกยืดหยุ่นผสมสารป้องกันเชื้อรา
- ยึดเกาะพื้นผิวได้หลากหลาย เช่น ไม้ธรรมชาติ ไม้สังเคราะห์ คอนกรีต หรือพื้นผิวอื่น ๆ
- มีคุณสมบัติทนความชื้นและน้ำ จึงใช้กับประตูครัวที่ต้องเผชิญกับทั้งความร้อนและความชื้น
- ถ้าอยากตกแต่งประตูบ้านเพิ่มเติมก็ทาสีทับได้เลยตามใจชอบ
เมื่อเก็บงานด้วยจระเข้ อะคริลิก ซีลแล้ว ก็จะช่วยให้ประตูในห้องครัวที่บ้าน ใช้งานได้อย่างยาวนาน ปลอดภัยจากปัญหาชวนปวดหัว ที่ทำให้เงินในกระเป๋าโดยไม่จำเป็น แถมยังเสียเวลาซ่อมแซมให้ยุ่งยาก